รีวิว Spider-Man: Homecoming (2017) สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง (ตอนจบ)
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
พอนึกถึงจุดนี้ก็รู้สึกน่ะนะครับว่าป้าเมย์ฉบับ Raimi กับป้าเมย์ฉบับใหม่มีการเลือกดาราที่เหมาะกับคาแรคเตอร์มากๆ อย่าง Rosemary Harris ผู้รับบทป้าเมย์ฉบับเก่าจะดูน่ารัก อ่อนโยน ทำให้คนดูรู้สึกเห็นใจและอยากจะปกป้อง ในขณะที่ Tomei เป็นป้าเมย์สู้ชีวิต ดูทะมัดทะแมง และดูแลตัวเองได้ ผมว่ามันเป็นคาแรคเตอร์ที่เหมาะกับทิศทางของหนังน่ะครับ
ที่เวิร์กกว่าที่คิดคือบทของเน็ด (Jacob Batalon) เพื่อนซี้ของปีเตอร์ที่ผมก็แอบกลัวนะว่าบทนี้จะจิดไหม ปรากฏว่าพี่แกเป็นลูกคู่ที่ทำหน้าที่ได้น่าจดจำมากๆ อาจมีแอบรำคาญนิดๆ ในฉากโทรจิกปีเตอร์ แต่นอกนั้นถือเป็นคู่หูคู่ฮาที่เสริมรสชาติให้กับหนังได้อย่างดี (โดยเฉพาะประโยคที่เขาพูดกับอาจารย์ในห้องคอม… มันอาจเป็นประโยคธรรมดานะ แต่ผมฮา 555)
Michael Keaton ก็เหมาะกับบทวัลเจอร์มากๆ พี่แกดูเท่ห์ ฉลาด เด็ดขาด ร้ายกาจ แต่ไม่ใช่ร้ายแบบไร้มิติน่ะครับ พี่แกดูมีความลึก มีแรงจูงใจ ถือว่าเป็นตัวร้ายของหนัง Marvel ที่ดีมากตัวหนึ่งในแง่ของคาแรคเตอร์ แต่อาจยังไม่เด่นแบบเต็มที่ในแง่ฉากบู๊ (และการให้เสียงพากย์โดยคุณจักรกฤษณ์ก็เสริมความเด็ดให้ตัวละครนี้มากขึ้นไปอีก)
พอพูดถึงฉากบู๊ก็ถือว่าหนังทำได้โอเคครับ หลายฉากจัดว่าเร้าใจ ฉากที่ผมชอบสุดก็ยกให้ฉากสไปดี้ช่วยคนในลิฟต์ที่ เสาหินอนุสาวรีย์วอชิงตันน่ะครับ มันสนุกและลุ้นมากๆ ในขณะที่ฉากบู๊ระหว่างสไปดี้กับวัลเจอร์ ผมชอบฉากตีกันบนเรือครับ ในขณะที่ฉากตีกันตอนไคลแม็กซ์อาจยังไม่ถึงขั้นมันส์แบบเต็มๆ แต่ผมก็เข้าใจนะ เหตุผลที่ Marvel ชอบกั๊กฉากบู๊ไว้ ผมว่าเตรียมไปปล่อยเต็มๆ ใน Infinity War
ส่วนบทโทนี่ (Robert Downey Jr.) ก็ถือเป็นส่วนเสริมที่ดีครับ ผมชอบที่หนังไม่พยายามใส่บทของโทนี่ลงมามากเกินไป เพราะนี่มันหนังสไปดี้น่ะครับ แม้ไอรอนแมนจะดังกว่าก็เถอะ แต่ถ้าเยอะเกินหนังเสียกระบวนแน่นอน ส่วนแฮปปี้ โฮแกน (Jon Favreau) ก็มาเสริมทีมฮาครับ
และคนที่เด่นแบบคาดไม่ถึงอีกคนก็คือ “เสียงชุดของสไปดี้” ครับ เป็นเหมือนจาร์วิสแต่เป็นผู้หญิง ซึ่งบทนี้สามารถเสริมซีนอารมณ์ให้กับหนังได้ดีเกินคาด ทั้งอารมณ์พี่เลี้ยงสไปดี้ และอารมณ์ขัน (ฮาแรงมากตอน “จูบเลย” ฮาจริงอะไรจริง) ซึ่งให้เสียงโดย Jennifer Connelly (ที่เป็นภรรยาในชีวิตจริงของ Paul Bettany ผู้ให้เสียงจาร์วิส)
ผู้กำกับ Jon Watts คุมหนังได้ดี ซึ่งถ้ามองในแง่ลูกเล่นแล้ว มันอาจยังไม่เยอะน่ะนะครับ แต่ก็ยังดูเพลินอยู่ และผมชอบที่หนังไม่พยายามยัดเยียดประโยคเท่ห์ๆ ลงไปแบบ “อำนาจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบ ฯลฯ” หรือ “ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือความรับผิดชอบ” โดยหนังเลือกจะนำเสนอนิยามเรื่องความรับผิดชอบทั้งหมดผ่านกระกระทำของปีเตอร์ ให้เราเห็นชัดๆ ไม่ต้องปั้นประดิษฐ์วลี อย่างฉากโดนทับแล้วเขาต้องช่วยเหลือตนเองน่ะครับ เป็นฉากที่บอกอะไรได้ชัดมากๆ โดนไร้คำพูดเลย จุดนี้ถือว่าน่าชื่นชมครับ
และที่ลืมไม่ได้คือดนตรีโดย Michael Giacchino ถือเป็นของดีแบบแท้จริงเลยครับ หลังจากพี่แกทำให้ Doctor Strange มาพร้อมกลิ่นอายตะวันออกและบรรยากาศต่างมิติแล้ว มาเรื่องนี้พี่เขาขุดเอาลีลาทำนองแบบหนังฮีโร่ยุค 90 มาบูชาคารวะ ฟังแล้วนึกถึง Batman (1989), Dick Tracy (1990) แล้วก็ Darkman (1990) (ซึ่งทั้ง 3 เรื่องทำดนตรีโดย Danny Elfman ครับ)
ท่วงทำนองดนตรีของ Giacchino ในเรื่องโดดเด่นด้วยพลังเครื่องตีและเครื่องเป่า เขาใช้มันเป็นทั้งเครื่องเร้าและเครื่องเลี้ยว (ทางอารมณ์) แล้วบวกด้วยความอลังการ “แกรนด์ๆ” แบบ John Williams ในบางวาระ ทั้งหมดทั้งมวลช่วยเสริมรสให้หนังได้อย่างดีจริงๆ ครับ (และอยากบอกว่า “ชอบมาก” สำหรับธีมเดิมของ Spider-Man ที่บรรเลงในอารมณ์วงโยฯ เจ๋งจริง!)
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมชอบในโลกของสไปดี้ภาคใหม่ก็คือ มันแอบเป็นหนัง Feel Good อยู่ในทีครับ แม้หนังจะไม่ได้มีฉาก “ชาวเมืองรวมพลังช่วยสไปเดอร์แมน” แบบที่ผ่านๆ มา แต่หนังเลือกที่จะนำเสนอให้เราสัมผัสได้ว่าสังคมในโลกของสไปดี้ฉบับนี้ ไม่มีใครชั่วร้อยเปอร์เซ็นต์ ทุกคนเหมือนจะมีเมล็ดพันธุ์ความดีบางอย่างแฝงอยู่ภายใน ส่วนใหญ่จะไม่ได้ดี-ร้ายแบบโมโนโทน
ระหว่างดูผมดีใจนะ… ดีใจที่ปีเตอร์ไม่โดดเดี่ยว เพราะเขามีเพื่อนที่ดี มีป้าที่ดี มีโทนี่ สตาร์ก หรือกระทั่งคนอื่นๆ ในสังคมของปีเตอร์ก็มีคนดีๆ อยู่ ไม่ว่าจะคุณลุงขายของชำที่เตือนปีเตอร์ด้วยความเป็นห่วงเกี่ยวกับอนาคตของเขา, ตัวละครแอรอน เดวิส (Donald Glover) หรือกระทั่งเสียงในชุดสไปดี้ก็ยังเป็นเพื่อนอีกคนของเขา…
มันทำให้รู้สึกว่า แม้ชีวิตจากนี้ของสไปดี้จะรันทดก็เถอะ แต่เขาจะยังมีใครสักคนคอยเคียงข้าง… มันกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของคำว่า “ใครสักคน” อย่างยิ่งครับ
… ทุกวันนี้คนดูเหมือนจะต่างคนต่างอยู่กันมากขึ้น… เหมือนหนังสไปดี้ภาคนี้จะส่งสารสาระกระตุ้นให้เราฉุกคิดถึงความสำคัญของ “การทำดีต่อกัน”
… แทนที่เราจะรวมพลังกันช่วยสไปดี้ (หรือฮีโร่ในสังคม) แบบเฉพาะกิจนานๆ ที หรือช่วยเฉพาะในงานใหญ่ๆ แต่เพียงอย่างเดียว… มันคงจะดีกว่าหากทุกคนช่วยกันคนละไม้ละมือ ในทุกวันที่ยังมีลมหายใจ ทำไปคนละนิดละหน่อยไปเรื่อยๆ… สไปเดอร์แมนจะเหนื่อยน้อยลง
… ชุมชน สังคม และประเทศชาติ… จะเหนื่อยน้อยลง
สรุปเลยครับว่าสไปดี้ได้เกิดเต็มตัวอีกครั้ง ตั้งหลักได้ดี มีทิศทางที่ถือว่าสดพอประมาณสำหรับเส้นเรื่องของสไปดี้ แต่ก็ต้องภาวนาล่ะครับว่าสตูดิโอจะไม่ทำให้เสียกระบวนอีก หวังว่าจะไม่พยายามจัดกระทำให้หนังจงใจ “ขายของ” จนละเลยหัวใจสำคัญที่หนังอุตส่าห์ปูมาตั้งขนาดนี้
คะแนนความชอบ 8/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิวซีรี่ส์ Doctor Who Season 9 (2015) ข้ามเวลากู้โลก ปี 9
1852 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ยอมรับเลยครับว่าตอนแรกที่ผมรู้ว่าด็อกเตอร์คนใหม่จะรับบทโดย Peter Capaldi นั้น ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะชอบด็อกเตอร์คนใหม่คนนี้ขนาดนี้ ^_^ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว An Hour Behind (2017)
1804 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด เคยจีบใครไหมครับ ^_^ หนังเรื่องนี้มันทำให้ผมนึกถึงวันเหล่านั้นนะ วันที่เราพยายามจะเอาชนะใจใครสักคน มันคือช่วงเวลาอันแสนหวานที่บางครั้งก็แอบซ่อนความขมไว้ แล้วยังมีความลุ้นอีกด้วย เพราะไม่รู้ว่าเราจะประสบความสำเร็จในการชนะใจเขาหรือเธอไหม ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิวซีรี่ส์ CSI: Cyber ปี 1 (2015)
2254 0ผมเคยเกริ่นไว้ตอนได้ดู CSI: Cyber ตอนแรกๆ ว่าความสนุกมันไม่มากเท่าไร และคาดหวังไว้ว่ามันจะสนุกขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่พอดูจนจบปี 1 แล้ว สิ่งที่รู้สึกเมื่อตอนแรกๆ ก็ยังคงอยู่ครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด