รีวิวซีรี่ส์ American Horror Story Season 2 (บ้านลับวิญญาณหลอน ปี 2)

สำหรับผมแล้ว American Horror Story ปี 1 ถือเป็นออเดิร์ฟครับ ในขณะที่ปี 2 ถือว่าจัดเต็มมากขึ้นกว่าเดิม (และจนถึงนาทีนี้ ผมยังชอบปี 2 ที่สุดอยู่ครับ)
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ปี 2 นี้มาในชื่อตอนว่า Asylum เรื่องราวก็มาเกิดในปี 1964 ที่โรงพยาบาลจิตเวชแบลร์คลิฟฟ์ ที่ซึ่งนักข่าวสาวลาน่า วินเทอร์ส (Sarah Paulson) เดินทางมาเพื่อเกาะติดข่าวที่ว่าฆาตกรโรคจิตฉายาบลัดดี้เฟซกำลังจะถูกส่งตัวมาที่นี่… เอาเป็นว่ารู้ประมาณนี้แล้วกันนะครับ ที่เหลือติดตามต่อเองจะดีที่สุดครับ
ปีนี้ความยาวเพิ่มเป็น 13 ตอน ถือเป็นปีที่ลึกลับและน่ากลัวใช้ได้เลยครับ ส่วนหนึ่งก็เพราะบรรยากาศในโรงพยาบาลจิตเวชเมื่อ 50 ปีก่อนมันก็ดูขลังมากพออยู่แล้วครับ มีครบทั้งหลืบมืดๆ ห้องแคบๆ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ดูแล้วชวนให้นึกถึงห้องทรมานในยุคมืด ไหนจะกลิ่นอายอบอวลไปด้วยความบ้าคลั่ง เพราะคนไข้ก็มีทั้งที่พอมีสติและขาดสติไปแล้วโดยสิ้นเชิง
แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่าเหล่าหมอและพยาบาลที่ดูลึกลับน่าขนลุกไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะ ดร.อาร์เธอร์ อาร์เดน (James Cromwell แสดงได้อย่างน่าปรบมือเช่นเคย) หรือ ซิสเตอร์จู๊ด มาร์ติน (Jessica Lange ขานี้ก็แสดงได้เข้มมากมายเช่นกัน) ที่ต่างคนต่างก็ดูมีลับลมคมในไม่น้อยไปกว่ากันเลย
นักแสดงคนอื่นๆ ก็เสริมความเด็ดให้กับหนังได้น ่าพอใจ ไม่ว่าจะ Zachary Quinto, Joseph Fiennes, Evan Peters, Lily Rabe หรือ Chloë Sevigny ก็มีทั้งบทนิ่งๆ และบทบ้าคลั่งครับ ซึ่งไม่ว่าจะจะนิ่งหรือบ้า พวกเขาก็สามารถนำพาตัวเองแสดงบทนั้นๆ ได้อย่างน่าพอใจ
ปมลึกลับในเรื่องก็ซับซ้อนไม่น้อยครับ และสิ่งเหนือธรรมชาติประจำเรื่องนี้ก็ไม่เน้นผีสางแบบปีแรก แต่จะจับเอาเรื่องลึกลับในตำนาน (อีกทั้งในประวัติศาสตร์) มาผูกต่อเป็นเรื่องราว ซึ่งหลายอันก็ทึ่งอยู่เหมือนกันครับ (อารมณ์ตอนดูนี่ประมาณว่า “จับมาเขย่าใส่ในหนังได้อีกเน้อะ” 555)
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกตั้งแต่ปีแรกก็คือ ตอนกลางๆ จะค่อนข้างน่าติดตามครับ ในขณะที่ตอนต้นกับตอนท้ายก็จะมีช่วงดร็อปลงมาบ้าง อย่างปีนี้ผมชอบช่วงกลางๆ เรื่องตอนปมกำลังร้อน ตอนที่เรื่องกำลังมันส์ๆ มึนส์ๆ (มึนส์ว่ามันกำลังเกิดอะไรต่อมิอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย) ในขณะที่บทสรุปแม้จะน่าพอใจ แต่ก็ไม่เด็ดเท่าช่วงกลางๆ น่ะครับ (อาจเพราะช่วงกลางๆ คำถามในหัวเรามันเยอะน่ะครับ ผมเลยจดจำอะไรๆ หรือประทับใจอะไรๆ ได้มากกว่า)
ครับ โดยรวมแล้วผมชอบนะ ด้วยอารมณ์ ด้วยบรรยากาศ มันดูโรคจิตและน่าสะพรึงดี และยังมีการสอดแทรกมิติ+อารมณ์+ความรู้สึกของตัวละครได้อย่างน่าพอใจ อย่างการตัดสินใจบางอย่างของบางตัวละครก็สะท้อนแง่มุมของคนได้ไม่น้อยเหมือนกัน
สรุปว่าผมชอบปีนี้ที่สุดในบรรดา 4 ปีที่ดูมาครับ
คะแนนความชอบ 7.5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Beauty and The Beast (2014) บิวตี้ แอนด์ เดอะ บีสต์ ปาฏิหาริย์รักเทพบุตรอสูร
2895 0La belle et la bête หรือ Beauty and The Beast ฉบับล่าสุดที่กำกับโดย Christophe Gans ที่เคยทำ Silent Hill ภาคแรกออกมาอย่างน่าพอใจน่ะนะครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Beauty and the Beast (2017) โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
2416 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ถ้าว่ากันถึงรายได้ ตอนนี้หนังทำเงินลอยลำเกิน $200 ล้านในอเมริกาแล้วครับ ส่วนรวมทั่วโลกก็ไปถึง $420 ล้านแล้ว ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจริงๆ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Hell or High Water (2016) ปล้นเดือด ล่าดุ
1772 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด พูดได้เต็มปากว่าเรื่องนี้ทำออกมาได้เข้มข้น ขึงขัง มีพลังโดนใจผมแบบสุดๆ ครับ จริงๆ ตอนแรกก็กะแล้วล่ะว่าคงชอบ แต่ไม่นึกว่าจะชอบมากขนาดนี้ ถึงขั้นดูจบแล้วอารมณ์ไม่จบทีเดียว ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด