รีวิว The Last Five Years (2014) ร้องให้โลกรู้ว่ารัก
ด้วยแนวทางแล้ว ผมน่าจะชอบ The Last Five Years ไม่ใช่น้อยนะครับ เพราะผมชอบหนังเพลงอยู่แล้ว และยังมี Anna Kendrick มานำแสดงอีก
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ครั้นพอดูจบ ก็รู้สึกโอเคนะครับ เพียงแต่ดีกรีความชอบอาจไม่มากเท่าที่คิด
ผมว่าจริงๆ แล้วหนังทำยากนะครับ พล็อตน่ะเล่าถึงคู่รัก เจมี่ (Jeremy Jordan) และ แคธี่ (Kendrick) แต่ลีลาการเล่ามันดำเนินเรื่องแบบสวนทางกัน โดยหนังเล่าเรื่องของเจมี่ตั้งแต่วันแรกที่เจอแคธี่ แล้วก็ไล่ไทม์ไลน์มาจนจบตอนที่ทั้งสองเริ่มห่างเหิน ในขณะที่ไทม์ไลน์ของแคธี่จะเริ่มฉากแรกในวันที่ทั้งสองหมางเมินกัน ก่อนจะไล่เรื่องราวไปจนตรงวันที่ทั้งสองเริ่มรักกันอย่างหวานซึ้ง
ใช่ครับ หนังเล่าไทม์ไลน์แบบตัดสลับกันไปตลอด ตลอดแรกผมก็งงๆ เหมือนกันครับ คือเปิดมาเห็นแคธี่ร้องไห้ ร้องเพลงคร่ำครวญคิดถึงเจมี่ แล้วสักพักหนังก็สลับมาเป็นเจมี่ร้องเพลงบ้าง แต่เหตุการณ์มันเป็นตอนที่ทั้งสองกำลังเริ่มรักกันใหม่ ผมก็เลยนึกว่า อ๋อ ฉากแรกเป็นตอนจบใช่ไหม แล้วฉากต่อๆ มาก็จะเล่าย้อนให้เราดูใช่ไหมว่าพวกเขารักกันยังไง
แต่ที่ไหนได้มันเล่าเรื่องแบบ… สมมติลำดับเรื่องคือ 1 – 10 นะครับ หนังเล่าแบบ 10 – 1 – 9 – 2 – 8 – 3 – 7 – 4… ประมาณนี้น่ะครับ (มันดู Memento มากๆ เลยเน้อะ 5555)
ผมไม่ปฏิเสธครับว่าเป็นความพยายามที่สร้างสรรค์ แต่มันทำยาก เพราะอารมณ์ระหว่างดูเหมือนถูกหั่นเป็นห้วงๆ เช่น ฉากแรกเห็นแคธี่เศร้า ก็เหมือนหนังจะบิ้วเราให้เศร้านะ แต่สักพักหนังก็ตัดมาเล่าเรื่องไทม์ไลน์ของเจมี่ หนังก็เปลี่ยนอารมณ์มาเป็นสุข (มันคือฉากที่ทั้งสองกำลังจะกินตับน่ะครับ พูดง่ายๆ เลย) ทีนี้อารมณ์สุขๆ คึกคักๆ มันก็เริ่มมาแล้วนะ แต่พอฉากต่อมาหนังก็ไปเล่าตอนแคธี่กำลังโกรธเจมี่แบบพุ่งพล่านอีก เอ้า สลับอารมณ์อีกแล้ว
และพอเรากำลังจะเห็นใจแคธี่นะ หนังก็ตัดมาเป็นตอนทั้งสองหวานแหววอีก…
สารภาพจากใจครับ… ระหว่างดูนี่เหมือนอารมณ์ถูกเหวี่ยงไปมา ซึมเศร้าสลับเพ้อคลั่งตลอดเลย
พูดแบบไม่อ้อมค้อมคือ มันอินยากครับ อารมณ์มันสวนทางกันตลอด คือถ้าดูเอาเนื้อหามันก็ได้น่ะครับ ดูให้รู้ถึงธรรมชาติของคนรักกันที่ย่อมมีวันหวานและวันจืดจาง แต่ในแง่อารมณ์แล้วมันค้านๆ ขัดๆ กัน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วแต่ละฉากทำออกมาได้ดีนะครับ มีความสวยงามหรือเศร้าลึกผสมผสานอยู่ในฉากนั้นๆ แต่ปัญหาคือพอสลับอารมณ์บ่อยๆ ความอินเลยไม่มานั่นเอง
อันนี้ผมพูดถึงความรู้สึกผมคนเดียวนะครับ ไม่แน่ว่าท่านอื่นๆ ดูแล้วอาจจะชอบสไตล์แบบนี้ก็ได้
และจุดที่ทำให้หนังทำยากขึ้นไปอีกคือหนังร้องเพลงกันตลอด ไม่มีจังหวะคุยกันแบบปกติเลยน่ะครับ (คืออาจมีบ้าง แต่ก็เป็นเหมือน “ท่อนแร็พ” ระหว่างเพลง มากกว่าจะเป็นการคุยกันจริงๆ) มันเลยไม่มีการผ่อนหรือสลับอารมณ์เลย และอีกอย่างคือผมรู้สึกเหมือนดู MV ต่อกันไปเรื่อยๆ (แล้วยังเป็น MV ที่สลับอารมณ์ระหว่างแรกรักกับรักหมดอายุอีกนะ) ซึ่งสำหรับผมแล้ว ความคล้อยตามเรื่องราวและอารมณ์หนังเลยไม่มากเท่าที่ควรน่ะครับ
จริงๆ การที่หนังร้องเพลงทั้งเรื่องมันก็ไม่เชิงเป็นปัญหานะครับ เพราะ Les Miserables ก็ร้องทั้งเรื่อง แต่ความต่างคือเรื่องนั้นมันลำดับอารมณ์ตามไทม์ไลน์ปกติ จากสุขไปเศร้า จากเศร้าก็ค่อยๆ สุข จากหมดหวังก็ค่อยๆ มีความหวัง คือมันบิ้วอารมณ์เราไปตามท้องเรื่อง แต่กับเรื่องนี้ การเล่ามันทำให้อารมณ์เราโดนเหวี่ยงน่ะครับ ความสมูทที่พึงมีเลยพลอยน้อยลงไป
ต้องบอกก่อนนะครับว่าไม่ใช่ว่าไม่ชอบ จริงๆ โอเคกับหนังอยู่ แต่เพียงคิดว่ามันคงโอเคได้มากกว่านี้
ทราบครับว่าหนังดัดแปลงจากละครบอร์ดเวย์ที่โด่งดังมากว่า 15 ปีแล้ว จริงๆ ก็อยากหาโอกาสลองดูเหมือนกันว่าอารมณ์ตอนเป็นลคระเวทีนั้นจะให้ความรู้สึกแบบไหน (แต่คาดว่าน่าจะให้อารมณ์ที่พอเหมาะ ไม่งั้นคงไม่ได้รับความนิยมนานเป็น 10 ปีแบบนี้)
ผมเลยบอกครับว่าหนังทำยาก การเล่าเรื่องมันต้องแม่นและมีจุดพอดี เพราะหนังรักแบบนี้เรื่องอารมณ์มันสำคัญมากมาย คนดูจะร้องไห้หรือหัวเราะไปกับ ชีวิตตัวเอก มันก็ต้องเล่าให้พอเหมาะ อารมณ์ถึงจะมา ซึ่งก็เห็นใจผู้กำกับ Richard LaGravenese เหมือนกันครับ เพราะจริงๆ เขาก็เคยทำหนังดีอย่าง Freedom Writers และ P.S. I Love You (จริงๆ Beautiful Creatures ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้ายด้วยครับ) แต่กับเรื่องนี้โจทย์มันยากจริงๆ
เอาเป็นว่าคอหนังเพลงและหนังรัก ลองลิ้มดูได้ครับ เพียงแต่อาจต้องปรับอารมณ์ตามสไตล์การเล่าเรื่องสักหน่อย หากปรับจูนสำเร็จท่านอาจชอบหนังเรื่องนี้ก็ได้ (แต่เสียดายที่ผมทำไม่สำเร็จครับ)
คะแนนความชอบ 6/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Wrong Turn 2: Dead End (2007) หวีดเขมือบคน 2
2222 0Wrong Turn 2: Dead End คือภาคต่อลงแผ่นของหนังชุดนี้ครับ อันที่จริงคือนอกจากภาคแรกแล้วภาคอื่นๆ ก็ออกมาให้ชมในฐานะหนังแผ่นทั้งหมด ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว I Spit on Your Grave 2 (2013) เดนนรก ต้องตาย 2
2878 0I Spit on Your Grave 2 ภาคต่อที่จัดว่าแรงไม่น้อยหน้า ภาคแรก พล็อตก็คงเดิมครับ แต่เปลี่ยนตัวละครใหม่ นั่นคือเป็นเรื่องของ เคธี่ คาร์เตอร์ (Jemma Dallender) สาวน้อยที่หวังจะมีอนาคตสดใส แต่กลับถูกหนุ่มๆ กลุ่มหนึ่งทำมิดีมิร้ายแทน ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด แต่เธอก็รอดมาครับ ก่อนจะกลับมาทวงแค้นเอาคืนแบบสาสมใจ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Make Your Move (2013) เต้นถึงใจ ใจถึงเธอ
2096 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังแนวเต้นสู่ฝันแบบเดียวกับ Step Up ครับ โดยงานนี้เป็นหนังร่วมทุนกับทางเกาหลีด้วย ซึ่งนางเอกของเรื่องไม่ใช่ใครครับ เธอคือ BoA นักร้องชื่อดังของเกาหลีนั่นเอง พระเอกคือ Derek Hough ที่แฟนๆ Dancing with the Stars น่าจะจำได้ ซึ่งเขาถึงขั้นยอมไม่เล่นปี 10 ของรายการนี้เพื่อมาเล่นหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องก็ตามสูตรครับ เขารับบทเป็น ดอนนี่ หนุ่มที่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ แต่มันกลับทำให้เขาโดนเพ่งเล็งจากตำรวจที่ไม่ชอบพวกเต้นข้างถนน เขาเลยต้องย้ายมานิวยอร์ก แล้วก็พยายามตามฝันให้สำเร็จ แม้มันจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แล้วเขาก็ได้เจอกับ เอย่า (BoA) สาวนักเต้นที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อฝันเช่นกัน แล้วเรื่องราวของพวกเขาก็เริ่มต้นครับ ถ้าให้ว่าตามจริงแล้ว