รีวิว Fantastic Four (2015) แฟนแทสติก โฟร์
การดู Fantastic Four ล่าหลังกว่าคนอื่นคงถือเป็นความโชคดีประการหนึ่งครับ เพราะหลังจากผ่านตาคำบ่นของคนดูมามากๆ เข้า อันว่าความคาดหวังของเราก็ลดต่ำลงตามลำดับ จนก่อนจะตีตั๋วดูนี่ทำใจได้สบายๆ ครับ คือหนังจะแย่แค่ไหนก็รับได้แล้วล่ะ
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
และคงเพราะแบบนั้นผมเลยไม่ถึงกับรู้สึกแย่กับ FF ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้ชอบหรอกนะครับ คือมันดูได้เรื่อยๆ ดูจบแล้วก็จบกัน ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรมากมาย
ไปๆ มาๆ ผมรู้สึกชอบฉบับเก่ามากขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ ชนิดที่กลับไปหาซื้อ Blu-Ray 2 ภาคของเก่ามาเก็บเลยล่ะครับ (ประมาณว่าที่ไม่ซื้อก็เพราะรอฉบับใหม่นี่ทีเดียว กะซื้อฉบับเดียวไปเลย แต่พอออกมาในรูปนี้ สมองก็หวนรำลึกครับว่าฉบับเก่ามันเพลินกว่ากันแค่ไหน เลยไปสอยมาซะ 555)
ฉบับใหม่นี่จริงๆ ก็ไม่เลวนะครับในเรื่องสไตล์ที่ฉีกมาในแนวหนังไซไฟระทึกขวัญ เนื้อเรื่องประมาณว่านักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งพยายามทะลุมิติไปยังโลกอื่น แล้วพอทำสำเร็จพวกเขาก็ยกขบวนกันไปสำรวจมิติที่ว่า (แบบลับๆ เนื่องจากโครงการกำลังจะถูกทางการฮูบชุบมือเปิดไป) ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ตามมาที่ทำให้ 4 นักวิทยาศาสตร์กลายเป็น Fantastic Four และอีก 1 นักวิทย์ก็กลายเป็น Dr. Doom
สไตล์มันได้อารมณ์ไซไฟระทึกขวัญจริงๆ ครับ ประเภท The Fly, From Beyond, Hollow Man หรือถ้าใหม่หน่อยก็ชวนให้นึกถึง Prometheus หรือ The Lazarus Effect ประเภทว่ามีการทดลองอะไรสักอย่าง สำรวจอะไรสักอย่าง แล้วก็มีเหตุให้ตัวละครสักตัวมีอะไรเปลี่ยนแปลงกลายเป็นตัวหายนะ แล้วพวกที่เหลือก็ต้องหาทางสยบ ซึ่งถ้าพูดถึงสไตล์ที่ว่า หนังก็ทำได้อารมณ์นั้นไม่เลวครับ เพียงแต่มันไม่ใช่อะไรที่คอหนังซูเปอร์ฮีโร่คาดหวังว่าจะได้ชมน่ะครับ
จริงๆ การที่หนังนำเสนอแบบโทนจริงจังมันก็ยังพอไหวนะครับ เพียงแต่มันไม่ได้ให้อารมณ์ฮีโร่อย่างที่ควรจะเป็น อย่างพวก The Dark Knight นั่นก็จริงจังครับ แต่มันก็สะท้อนความหมายของฮีโร่ ยังสื่ออารมณ์ทำให้เราฮึกเหิมไปกับอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง
แต่กับเรื่องนี้ก็อย่างที่บอกครับว่าถ้ามันเป็นหนังทำเพื่อเสิร์ฟอารมณ์แนวไซไฟระทึกขวัญน่ะ เราจะไม่แปลกใจหรือรู้สึกแย่กับ มันเลย แต่พอว่ามันคือหนังฮีโร่ ทว่ากลับไม่มีหลายๆ รสชาติที่หนังแนวนี้พึงมี (แล้วก็ไปเน้นโทนระทึก พร้อมฉากสะพรึงๆ แบบคนหัวระเบิด เลือดสาดกำแพง) มันก็เลยเหมือนหนังพลาดเป้า คนดูส่วนใหญ่เลยพลอยรู้สึกไม่โดนไปตามๆ กัน
เหมือนเราจะกินสปาเก็ตตี้คาโบนาร่า แต่พ่อครัวปรุงออกมาแบบผัดไทกุ้งสด แม้รสมันจะโอเคสำหรับความเป็นผัดไท แต่ตอนเรากินก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า “มันไม่ใช่อ้ะ”
พูดก็พูดครับ ผมชอบ Miles Tellerนะ เขาดูไม่เลวกับบทนักวิทยาศาสตร์หนุ่มสติเฟื่อง (แต่ก็ไม่หลุดโลกเกินเหตุ) แต่พี่แกยังไม่มีรัศมีผู้นำ ยังดูไม่เป็นรีด ริชาร์ดส์ที่เป็นที่พึ่งให้กับเพื่อนๆ และเปี่ยมความรับผิดชอบ ส่วน Michael B. Jordan ก็โอเคครับ เป็นจอห์นนี่ได้กวนดี เพียงแต่บางอย่างมันก็ขัดกัน คือดูๆ แล้วพี่แกน่าจะเป็นพวกรักเสรี ไม่มีใครมาบงการข้าได้ ข้าจะอยู่จะไปก็เรื่องของข้า และไม่ชอบฟังคำสั่งของพ่อและพี่ แต่เขาดันไม่มีปัญหาเลยกับการรับคำสั่งจากพวกทหาร และดูเหมือนจะพร้อมรับใช้ชาติด้วย (ตกลงพี่เป็นมนุษย์เพลิงหรือกัปตันอเมริกาเนี่ย 555)
Kate Mara ก็ดูธรรมดาไปเลยครับกับบทสาวล่องหนซู สตอร์ม พอๆ กับ Jamie Bell ที่ไม่เด่นกับบทเบน กริมม์ ซึ่งคาแรคเตอร์ของเบนตอนเป็นมนุษย์อิฐก็ดูไม่มีมิติเลย คือตั้งท่าโกรธรีดเป็นหลัก แล้วพอเรื่องจบ จู่ๆ ก็กลับเป็นเพื่อนกับรีดเฉยเลย
ยอมรับครับว่าชอบคาแรคเตอร์ของ Fantastic 4 ชุดก่อนมากกว่า ไม่ใช่แค่เพราะดาราดังนะครับ แต่เพราะมันชัดเจน มันมีปฏิสัมพันธ์ที่ลื่นไหลกว่ากันมาก
ไปๆ มาๆ คนที่ดูโอเคสุดผมยกให้ Toby Kebbell ในบทดูม คือพี่แกดูมีปมมีอะไรในใจเยอะครับ (แม้จะยังเยอะได้อีกก็เถอะ) และเอาเข้าจริงคาแรคเตอร์ดูมภาคนี้มันไม่ใช่แค่คนบ้าอำนาจแล้วก็บ้าคลั่ง แต่เป็นพวกต่อต้านระบบตั้งแต่เริ่ม แล้วก็รำคาญกับโลกที่เต็มไปด้วยพวกเห็นแก่ตัว จึงไม่แปลกหากเขาจะกลายเป็น ดร. ดูม
และจริงๆ พลังพี่แกก็น่าเกรงขามครับ… แต่บทจะจอดก็จอดสนิทเลย… ง่ายไปนะผมว่า
โดยรวมหนังเลยออกมากึ่มๆ กั๊กๆ น่ะครับ จริงๆ ได้ข่าวว่า Josh Trank เขาทำหนังออกมาในแบบของเขา และเขาก็บอกว่าเขามีไอเดียที่ดีมาก แต่ทางค่ายไม่เห็นด้วย แล้วก็สั่งให้เขาทำหนังออกมาจนเป็นแบบนี้ ในขณะที่ทางค่ายก็บอกว่าให้อิสระ Trank เต็มที่แล้ว อันนี้ก็ไม่รู้กันล่ะนะครับว่าความจริงเป็นแบบไหน รู้แต่ว่าหนังมันออกมาเป็นแบบนี้แล้ว และคนส่วนใหญ่ก็ไม่โอกับมัน
ส่วนผม ก็ถือว่าดูได้ครับ แต่มันไม่กลมกล่อมเท่าไร ยังไงก็ยังชอบ 2 ภาคก่อนมากกว่าอยู่ดี ซึ่งก็ต้องจับตาดูต่อไปครับว่าจะมีภาคต่อไหม (ได้ข่าวว่าผู้สร้างยังอยากทำภาคต่ออยู่ และไม่ขอคืนสิทธิ์ให้กับทาง Marvel ง่ายๆ ด้วย)
คะแนนความชอบ 6/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว A Chinese Odyssey part III (2016) ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 3 (ตอนที่ 1)
2367 0https://www.youtube.com/watch?v=mqKmFXN5x-o ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ปีนี้เป็นปีแห่งหนังภาคต่อข้ามทศวรรษครับ ตอนแรกนึกว่า Zoolander กับ My Sassy Girl มีภาคต่อที่ห่างจากภาคที่แล้ว 15 ปี ผมว่าก็นานแล้วนะ แต่เจอเรื่องนี้แซงขาดไปเลยครับ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว True Memoirs of an International Assassin (2016)
1904 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด แนวคิดเรื่องนี้น่าสนใจครับ พี่ Kevin James (Paul Blart: Mall Cop) มารับบท แซม ลาร์สัน นักเขียนที่สร้างผลงานแนวแอ็กชันสายลับออกมา แต่เอเยนต์ของเขาดันไปโฆษณาว่ามันคือเรื่องจริง ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Patriots Day (2016) วินาศกรรมปิดเมือง
2664 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด Mark Wahlberg เป็นนักแสดงที่ผมทึ่งแกเหมือนกันนะครับ ภาพแรกๆ ที่ผมจดจำแกได้คือในฐานะนายแบบกางเกงใน Calvin Kline (ยุคนั้นนิตยสารบันเทิงต่างประเทศของบ้านเรานำภาพพี่แกมาลงบ่อยๆ) ตามด้วยการเป็นแร็ปเปอร์ แล้วก็เล่นหนังในบทวัยรุ่นอีกหลายเรื่อง ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด