รีวิว CSI: Immortality (2015)
15 ปี… การที่เราดูซีรี่ส์อะไรสักอย่างต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 15 ปีนั้น นับว่าเป็นการติดตามที่นานโขอยู่นะครับ
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
มันนานมากพอที่จะทำให้เรารู้สึกใจหายได้เลยล่ะครับ เมื่อซีรี่ส์ที่ว่าต้องจากไป
CSI: Immortality คือตอนสุดท้ายของ CSI: Crime Scene Investigation หรือที่หลายคนชอบเรียกว่า CSI เวกัส โดยตอนที่ว่านี้พี่กิล กริสซั่ม (William Petersen) กลับมาอีกครั้งครับ ตามด้วยแคทเธอรีน วิลโลว์ (Marg Helgenberger), จิม แบรส (Paul Guilfoyle) และเลดี้เฮทเธอร์ (Melinda Clarke) พวกเขากลับมาร่วมปิดตำนานในคดีสุดท้ายที่เริ่มด้วยการระเบิดคาสิโนจนส่งผลให้มีคนเสียชีวิต
และเบาะแสหลายอย่างในที่เกิดเหตุก็บ่งบอกว่า การระเบิดครั้งนี้อาจเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
ว่าแบบตรงๆ เลยก็คือ ผมดีใจที่ได้เจอพี่กริสซั่มอีกครั้งครับ จริงๆ แค่เห็นหน้าพี่แกอีกหนผมก็รู้สึกดีกับตอนนี้มากมายแล้วล่ะ (555)
แต่ถ้าถามว่ารสชาติของตอนนี้สนุกเป็นพิเศษหรือไม่ ก็คงต้องขอบอกว่า มันอยู่ในระดับดูได้เพลินๆ ครับ เพียงแต่อาจไม่ได้สนุกเป็นพิเศษและไม่ถึงขั้นกลมกล่อมโคตรๆ เท่าตอนปี 1 – 7 ที่ถือเป็นจุดพีคสุดๆ ของ CSI
คดีในตอนนี้ถือว่ากลางๆ ครับ จริงๆ มันเป็นเคสที่เข้าท่านะที่ให้คดีนี้ย้อนไปเกี่ยวกับตัวละครเก่าๆ เพียงแต่มันดูจะเทน้ำหนักไปที่คดีน่ะครับ ซึ่งผมก็เข้าใจนั่นแหละว่า CSI มันก็คือหนังสืบสวน แต่ประเด็นคือปมในตอนนี้มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น จนหากว่ากันตามจริงแล้ว หากหนังทอนเวลาเกี่ยวกับการสืบคดีลงไปบ้าง (เพราะจริงๆ การเล่าถึงคดีนี้ไม่ต้องใช้เวลามากมายก็ได้) แล้วหันไปให้เวลากับ “การคืนสู่เหย้าของกริสซั่ม, แคทเธอรีน และจิม แบรส” มากกว่านี้ มันคงเป็นอะไรที่สมการรอคอยน่ะครับ
ผมแน่ใจว่าหลายคนอยากรู้ว่าหนังตอนนี้จบลงอย่างประทับใจไหม มันทำให้เราอิ่มไหม ทำให้เราอาลัยทีม CSI นี้ไหม ซึ่งถ้าให้ว่าแบบตรงๆ แล้วความอาลัยที่มีมันเกิดเพราะเรารู้ว่านี่คือตอนสุดท้ายน่ะครับ อารมณ์อาลัยมันไหลมาโดยอัตโนมัติอยู่แล้วล่ะครับ เพียงแต่อารมณ์ที่ว่าไม่ได้มาเพราะพลังการเล่าเรื่องของ CSI ตอนนี้
หนังเน้นเรื่องของกริสซั่มกับซาร่า (Jorja Fox) ซึ่งก็กะอยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้น และผมเองก็อยากรู้ด้วยว่าเรื่องราวของพวกเขาจะเป็นยังไงต่อไป (ยิ่งเอาเลดี้เฮทเธอร์มาลงจอด้วย ก็ยิ่งอยากรู้ว่ามันจะมีผลอย่างไร) ในขณะที่เรื่องของคนอื่นๆ กลับถูกเล่าแบบผ่านๆ เท่านั้น
อย่างเรื่องของแคทเธอรีนที่จริงๆ หลายปมในเรื่องเกี่ยวกับเธอ ไม่ว่าจะคาสิโนที่โดนระเบิด หรือเรื่องเกี่ยวกับ CSI สาวคนใหม่ที่ทักกริสซั่มบ่อยๆ (จนพี่แกยังงงว่าเธอคนนี้เป็นใคร… ผมเองก็ยังอยากรู้เลย) แต่หนังกลับเล่าเรื่องของแคทแค่แบบ “พอพูดถึงบ้าง” เท่านั้น และจิม แบรสยิ่งแล้วใหญ่ครับ เพราะแม้พี่แกกลับมา แต่ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรเท่าไรเลย (ทั้งที่จริงๆ แล้วหาก “ฉากสำคัญของจิม” มีการเล่าที่ดีและแรงกว่านี้ มันคงทำให้เกิดอารมณ์เจ๋งๆ ทีเดียว)
ส่วนตัวละครอื่นๆ ในเรื่องไม่ว่าจะเกร็ก, หมออัล, มอร์แกน, เฮนรี่, ฮอดเจส และเดวิด ก็มีบทเพียงโผล่หน้ามาทักทายครับ และหากใครคิดหมายว่าตอนท้ายๆ จะมีฉากแบบแต่ละตัวละครมาอำลากัน หรือมีซีนประทับใจให้เราได้เห็นหน้าแต่ละคนแบบส่งท้าย ก็ต้องเผื่อใจไว้ครับ เพราะมันไม่ได้จบลงด้วยอารมณ์ประทับใจแบบนั้น (ผมว่าตอนที่กริสซั่มเดินออกจากแลปในปี 9 นั้นยังได้อารมณ์อำลาถึงเครื่องกว่านี้เยอะทีเดียว)
แต่อย่างน้อย ในฉากสุดท้าย เราก็จะได้เห็นในสิ่งที่เราชาว CSI หลายคนอยากเห็นมานาน (อีกรอบ หลังจากบทปีหลังๆ เขียนซะจนปมนี้ไปไหนก็ไม่รู้)
ในขณะที่ตัว ดี.บี. รัสเซลล์ ก็มาในแนวบทสมทบครับ บทน้อยและไม่ค่อยได้ทำอะไร แต่ก็พอเข้าใจเพราะเดี๋ยวเขาจะได้ไปโผล่ใน CSI:Cyber ต่อ ก็เลยไม่ได้มีบทอะไรมาก (แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้ทราบชะตากรรมของ “จูลี่ ฟินเลย์” ในที่สุด)
ครับ แล้ว CSI ต้นฉบับก็จบลง อาจไม่ใช่ตอนจบที่ประทับใจมากมาย (โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าฉากสุดท้ายของกริสซั่มในปี 9 นั่นคือตอนจบที่งดงามเพียงพอแล้ว) แต่มันก็นับว่าน่าพอใจครับ
ผมค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองคงจะงัดเอา CSI ออกมาดูอีกรอบแน่ๆ ในยามว่าง แต่ก็คิดแล้วล่ะครับว่าคงเอามาดูตั้งแต่ปี 1 จนถึงตอนที่ 10 ของปีที่ 9 (ว่าง่ายๆ คือดูเฉพาะตอนที่มีกริสซั่มนั่นแหละ) เพราะโดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าตอนที่ 10 ของปี 9 นั้น เป็นตอนจบที่สวยงามสุดแล้วล่ะ
สรุปว่า แฟน CSI ก็ตามดูกันได้เลยครับ ตอนจบส่งท้ายแล้ว ชอบไม่ชอบก็มาคุยกันได้ ส่วนผมก็ถือว่าดูด้วยความรักความชอบในซีรี่ส์ชุดนี้ครับ อาจไม่ถึงกับชอบมาก แต่ก็ยังโอเคอยู่
ปล. จริงๆ ผมเสียดายนะที่หนังไม่ได้เอ่ยสรุปเรื่องของตัวละครอื่นๆ (แบบที่ตอนจบของซีรี่ส์มักจะทำกัน) อย่างฮอดเจสนี่มาแป๊บเดียวก็หายซะแล้ว หรือเกร็กที่เราอุตส่าห์เห็นเขาไต่เต้าทำงานมานาน กลับไม่มีบทในฉากสรุปส่งท้าย นี่ไม่ต้องพูดถึง “อาร์ชี่” ที่ไม่มีบทบาทอีกเลย (ทั้งที่จริงๆ พี่แกเป็นตัวละครที่ดูน่าสนใจไม่แพ้ฮอดเจสเลย เพียงแต่จะไม่เด่นเท่า)
รูั้ไหมครับว่าในใจผมอยากให้หนังเล่าถึงคดีแค่ 2 ใน 3 ของตอนก็พอน่ะครับ ส่วนอีก 1 ใน 3 สุดท้ายก็ให้เวลาอำลาเหล่าตัวละครแบบเต็มๆ ให้มาคุยมารำลึกหรือมาบอกชะตากรรมหน่อยก็ได้ว่าใครจะทำอะไรต่อ ใครทำอะไรอยู่… มันคงทำให้เราอมยิ้มได้ไม่น้อยเลย
อย่างไรก็ต้องขอขอบคุณครับสำหรับทีมงานที่สร้างสรรค์ซีรี่ส์ชุดนี้มาให้ผมติดตามมา 15 ปี ตามด้วยซีรี่ส์แตกแขนงอื่นๆ ด้วย
คะแนนความชอบ 7/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Dark Tower (2017) หอคอยทมิฬ
2225 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ในโลกที่หนังเต็มไปด้วย “การเปิดจักรวาลโน่นนี่” มีอยู่ 2 จักรวาลที่ผมอยากให้มีคนเปิดให้สำเร็จ แต่ก็รู้ว่าเป็นไปได้ยาก เพราะคนที่จะเปิดได้ต้องเทพจริงๆ และมันอาจเป็นจักรวาลที่ไม่ได้ทำเงินระเบิดระเบ้อเหมือนใครเขา ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Deepwater Horizon (2016) ฝ่าวิบัติเพลิงนรก
2088 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด บอกก่อนว่านี่ไม่ใช่หนังแอ็กชันเอามันส์ครับ แต่เป็นหนังภัยพิบัติที่อิงจากเหตุการณ์จริงเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นภัยพิบัติจากน้ำมันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาทีเดียว ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Don’t Knock Twice (2016) เคาะสองที อย่าให้ผีเข้าบ้าน
2406 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ต้องยอมรับนะครับว่าตลาดหนังสยองขวัญเป็นตลาดที่ใหญ่มาก และมีคนสร้างหนังเลือกทำหนังแนวนี้ออกมาเรื่อยๆ เพราะมีผู้ชมกลุ่มที่รอดูอยู่แล้วไม่ว่ามันจะเห่ยหรือดีแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยเข้าโรงแล้วไม่ได้เงิน แต่พอไปออกแผ่นเดี๋ยวก็ได้ทุนคืนเอง ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด