รีวิวซีรี่ส์ Fight! Bookstore Girl (2015)
ดูจบเรียบร้อยครับสำหรับซีรี่ส์ว่าด้วยร้านหนังสือเรื่องนี้ ก็สรุปได้ตรงนี้เลยว่าดูสนุก ดูเพลิน และดูแล้วชอบมากทีเดียว
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
เรื่องของอากิ คิตามุระ (Mayu Watanabe) สาวน้อยผู้รักหนังสือได้มาทำงานในร้านหนังสือเพกาซัส กับริโกะ นิชิโอกะ (Izumi Inamori) พนักงานรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ที่นั่นมานาน ซึ่งอากิก็ได้พบเจอเรื่องราวมากมายระหว่างทั้งสุขและทุข์ ทั้งดีและร้าย อันทำให้เธอได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง
ในขณะที่ริโกะเองตอนแรกก็รู้สึกแปลกๆ กับสาวน้อยไฟแรงคนนี้ แต่พอเวลาผ่านไปทั้งคู่ก็คอยช่วยกันและกันในการฝ่าฟันอุปสรรคสารพัดแบบที่ ถาโถมเข้ามา ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ ดูเองสนุกกว่าครับผม
เหตุผลง่ายๆ ที่ผมสนใจซีรี่ส์เรื่องนี้คือมันเกี่ยวกับร้านหนังสือครับ แล้วก็อย่างที่หลายๆ คนทราบว่าผมก็เปิดร้านหนังสือ ดังนั้นความอยากดูของผมก็เลยเยอะหน่อย ซึ่งก็สนุกดีครับ ตอนที่ 1 ถือว่าดูได้เรื่อยๆ แต่ตอนที่ 2 กับ 3 ทิศทางจะเป๋ไปหน่อยๆ ตอนดูก็เสียวใจว่านี่จะพลิกเรื่องไปกลายเป็นหนังรักแบบเบาๆ หรือเปล่าเนี่ย
แต่ยังดีครับที่ตอน 4 เริ่มจะพลิกกลับมาสนุก พอมาตอน 5 ตอน 6 นี่มีอะไรให้ติดตามกันแบบต่อเนื่องเลย เพราะอุปสรรคของร้านเพกาซัสมันชักจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ริโกะกับอากิก็ต้องช่วยกันหาทางรับมือ ซึ่งหนังก็ดำเนินเรื่องต่อจนจบแบบสวยงามในระดับหนึ่งครับ
โดยส่วนตัวแล้วผมว่าซีรี่ส์ชุดนี้มีพัฒนาการตัวละครที่ค่อนข้างชัดดี อย่างตัวอากินี่ตอนแรกมาแบบโลกสวยเลยครับ คิดอะไรบวกสุดๆ (ส่วนหนึ่งเพราะปูมหลังเธอออกแนวคุณหนูมีฐานะด้วย) และเชื่อเสมอว่าหากเธอคิดอะไรที่มันดี มันก็ต้องเป็นเรื่องที่ดี และทุกคนก็ควรจะเห็นด้วย ครั้นพอทุกคนไม่เห็นด้วย เธอก็จะออกแนวดึงดันว่า “ถ้าฉันเห็นว่าดี ยังไงฉันก็จะทำ” อะไรประมาณนั้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเธอได้เรียนรู้ว่าในชีวิตจริงนั้น ไม่มีอะไรเป็นไปดังใจหนังเสียทั้งหมดหรอก และสิ่งที่เธอเห็นว่าดีมันก็อาจจะไม่ใช่ “ดี” ในนิยามของคนอื่นก็ได้ หรือบางครั้งสิ่งที่เธอเชื่อมั่นว่าควรทำ ก็อาจไม่ใช่อะไรที่คนอื่นเห็นด้วยก็ได้
เมื่อเธอได้เรียนรู้ เธอก็เติบโตขึ้นน่ะครับ จนตอนหลังๆ ก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็ต้องบอกไว้ก่อนครับ เผื่อใครดูตอนแรกแล้วรู้สึกว่าไม่อยากดูต่อ เพราะเห็นว่าอากิโลกสวยแบบไม่เห็นแก่คนอื่นมาเกินไป ก็จะได้รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นแบบนั้นตลอดเรื่องหรอกครับ ที่ตอนต้นๆ เป็นแบบนั้นก็เพราะหนังอยากให้เราเห็นชัดๆ การเปลี่ยนแปลงของเธอแบบชัดๆ เท่านั้นเอง ซึ่งน้อง Mayu ก็เล่นได้ดีครับ น่ารักบ้องแบ๊วดีทีเดียว
ส่วนคุณ Izumi ก็ถนัดนักล่ะครับกับบทรุ่นพี่สู้ชีวิตที่ต้องมารับมือกับสิ่งต่างๆ ทั้งเรื่องงาน ชีวิตส่วนตัว และความรัก ซึ่งบทแบบนี้เธอฉลุยมาแต่ไหนแต่ไร เล่นเรื่องไหนก็ลื่นเรื่องนั้นเสมอ
ถือเป็นซีรี่ส์ที่ผมดูแล้วมีความสุขดีครับ ตอนต้นอาจต้องอดทนในการดูนิดหน่อย แต่พอดูๆ ไปก็จะเพลินขึ้น สนุกขึ้น ถือเป็นซีรี่ส์ที่ไม่ผิดหวังอีกเรื่องหนึ่ง
ระหว่างดูนี่ผมก็นึกถึงซีรี่ส์สมัย ITV นะ ตอนนั้นผมหลงรักซีรี่ส์ญี่ปุ่นก็เพราะแบบนี้แหละครับ เรื่องมันว่าด้วยการเติบโตของคน แล้วก็มีฉากสวยๆ ซึ่งฉากสวยๆ ที่ว่านี่ไม่ใช่ทิวทัศน์งดงามหรืออะไรนะครับ แต่แค่ฉากตัวละครเดินถนนเนี่ย การจัดไฟถ่ายภาพหรือมุมกล้องมันก็ดูสวยแล้วน่ะครับ มันดูง่าย แต่ก็ดูดีจนทำเอาอยากไปเดินเล่นในยามค่ำเลย
หรือฉากประเภทไปยืนตรงสะพานสูงๆ จ้องสายน้ำไหล แล้วก็คุยกัน เป็นอะไรที่ผมชอบแฮะ (ส่วนหนึ่งอาจเพราะผมก็ชอบทำแบบนั้นด้วยมั้ง เวลาไปคุยในบรรยากาศแบบนั้นมันได้อารมณ์แบบว่าเรากำลัง “ละเลียดชีวิต ยืนดูโลกหมุนไป” ยังไงก็ไม่รู้
คะแนนความชอบ 7/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว A Chinese Odyssey part III (2016) ไซอิ๋ว เดี๋ยวลิงเดี๋ยวคน 3 (ตอนจบ)
2743 0https://www.youtube.com/watch?v=8UIdm19ici8 ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทีนี้หากมองในมุมว่าเป็นหนังแฟนตาซีสักเรื่องในยุคเน้น CG แบบไม่เอา 2 ภาคแรกมาเปรียบเทียบเลย จริงๆ หนังก็ไม่เลวน่ะครับ มันคือหนังแฟนตาซีผจญภัยผสมตลกที่ดูเพลินในระดับหนึ่ง ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Daybreakers (2009) วันแวมไพร์ครองโลก
371 0เป็นหนังแวมไพร์ที่ไม่ธรรมดา มาพร้อมไอเดีย แง่คิด และจัดว่ามีความสดพอตัว ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด เหตุในหนังนั้นเกิดในโลกอนาคตครับ เมื่อคนส่วนใหญ่บนโลกกลายเป็นแวมไพร์กันหมด และเมื่อปฏิทินมาถึงปี 2019 ปรากฏว่าเลือดเกิดขาดแคลนเพราะมนุษย์ก็โดนล่าไปเกือบหมด ทำให้ต้องมีการหาทางผลิตเลือดทดแทน และเอ็ดเวิร์ด ดัลตัน (Ethan Hawke) ก็คือหัวหน้าทีมวิจัยที่กำลังค้นคว้าอยู่ แต่แล้วในเวลาต่อมาเขาก็ได้พบกับ ไลโอเนล คอร์แม็ค (Willem Dafoe) มนุษย์ที่มาพร้อมวิธีการแก้พิษแวมไพร์ ซึ่งเป็นทางออกที่ดีครับ เพราะคนจะได้เลิกกินเลือดแล้วกลับไปเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องมาฆ่ากันอีกต่อไป เอ็ดเวิร์ดก็เลยตัดสินใจร่วมมือกับเขาและมนุษย์ที่เหลืออยู่ เพื่อช่วยให้มนุษย์กลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่สามารถดำเนินแผนได้ดั่งใจนัก เพราะยังมีแวมไพร์อีกมากที่ไม่อยากกลับไปเป็นคน ประมาณว่าแวมไพร์น่ะมีพลังสารพัด ดีกว่ากลับไปเป็นคนตั้งเยอะ หรือไม่บางคนก็กลายเป็นแวมไพร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งกายและใจไปแล้ว ดังนั้นการถอนพิษแวมไพร์ก็เท่ากับเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสายตาของพวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเอ็ดเวิร์ดเลยต้องเจอกับการไล่ล่าจนได้ อย่างแรกที่เข้าท่ามากๆ ก็คือโทนเรื่องกับการจัดแสงที่นับว่าดีทีเดียว
รีวิว Sharktopus vs. Whalewolf (2015) ชาร์กโทปุส ปะทะ เวลวูล์ฟ สงครามอสูรใต้ทะเล
2812 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ผมเคยคิดนะว่าหนังสัตว์โลกน่ารักพันธุ์ผสมที่ขยันทำกันออกมาทางทีวีน่ะ ยิ่งทำมันจะยิ่งน่าสนใจ มันจะมีอะไรเข้าๆ ท่าเพิ่ม มีลูกเล่นก็จะชวนดูขึ้น หรือไม่ก็มีอะไรบ้าๆ แหวกๆ ขนใส่ลงหาสนอง Need แฟนๆ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด