รีวิว All Things Valentine (2016)
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
เท่าที่ทราบมาคอหนังที่ติดตามหนังรักของ Hallmark จะเห็นคล้ายๆ กันครับ ว่าหนังรักช่วงวาเลนไทน์ปีนี้ของ Hallmark มาในโทนที่หวานแหววน้อยลง ความโรแมนติกก็ติดดินขึ้น และเน้นที่โลกแห่งความจริง มากกว่าจะอุดมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความฝัน
ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับคนส่วนใหญ่นั่นแหละครับ
เอเวอรี่ (Sarah Rafferty) คือบล็อกเกอร์สาวแนวศิราณีที่มีความทรงจำแย่ๆ เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ และยิ่งเธอมาช้ำรักในวันแห่งความรัก ความทรมานใจก็ยิ่งมาก แล้ววันหนึ่งเธอก็ให้คำแนะนำกับแม็คเคนนา (Kimberly Sustad) สาวเสิร์ฟที่กำลังไม่แน่ใจว่าคนที่เธอคบอยู่ตอนนี้คือคนที่ใช่หรือเปล่า และเธอก็แนะนำไปว่า หากเขาไม่ใช่สำหรับเธอ ก็ควรจะเดินหน้าต่อไป หาคนใหม่ที่ใช่กว่า
แม็คเคนนาเลยบอกเลิกกับแฟนหนุ่ม โดยที่แฟนหนุ่มคนนั้นก็รู้ครับว่าเธอบอกเลิกกับเขาเพราะบล็อกเกอร์ศิราณีคนนั้นนั่นเอง เขาเลยคอมเมนต์แรงๆ ลงในบล็อกของเอเวอรี่ (แต่ไม่ได้ใช้ชื่อจริงลงท้าย) ซึ่งก็แน่ล่ะครับ เอเวอรี่โกรธมาก เลยมีการโต้ตอบออนไลน์ระหว่าง 2 คนนี้อยู่เนืองๆ
จากนั้นเอเวอรี่ก็มีโอกาสได้เจอกับ เบรนเดน (Sam Page) สัตวแพทย์หนุ่มที่ดูเป็นสุภาพบุรุษ และแน่นอนว่าพวกเขาเกิดความรู้สึกดีๆ ต่อกันมากขึ้นทุกทีที่พบกัน
แต่เอเวอรี่ไม่รู้เลยครับว่า เบรนเดนคือแฟนเก่าของแม็คเคนนา และเบรนเดนก็ไม่รู้เลยว่า เอเวอรี่คือบล็อกเกอร์สาวผู้เป็นชนวนสำคัญให้เขาต้องเลิกกันแฟนเก่า
เอาล่ะสิทีนี้
หนังรักเรื่องนี้ไม่หวานเท่าไรครับ โรแมนติกก็ไม่เน้น แต่เน้นสะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคมยุคปัจจุบันมากกว่า อย่างการทะเลาะกันออนไลน์ ซึ่งดูเหมือนเป็นการสื่อสาร 2 ทาง แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วมันออกแนวสื่อสาร 1 ทางครึ่งมากกว่า
เพราะเมื่อทางนั้นพิมพ์มา เราจะไม่เห็นท่าทางหรือนัยยะใดๆ นอกจากข้อความล้วนๆ ซึ่งถามว่าคนที่อ่านและตีความข้อความนั้นคือใครล่ะ?
… ก็เรานี่แหละครับ เราล้วนตีความตัวอักษร แล้วประมวลอารมณ์+ความรู้สึกส่วนตัวใส่ลงไป ซึ่งบางครั้งอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาแรงอะไรหรอก แต่ไฟในหัวเรานี่แหละที่สุมและปรุงแต่งให้มันแรงหนักเกินความจริง
ทีนี้ยิ่งคุยก็ยิ่งแรง ยิ่งหาทางลงไม่ได้ สุดท้ายก็แทบจะกินหัวกันหรือลาขาดไม่เผาผีเลยก็มี ทั้งที่บางคนก็เคยรักกันหรือเคยเป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ที่ต้องแยกย้ายเลิกคบด้วยเหตุผล “สื่อสารผ่านตัวอักษรออนไลน์” แบบนี้ ก็มีมาให้เห็นกันนักต่อนักแล้ว
และจุดที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้ก็คือ หนังสื่อให้เห็นว่าการสื่อสารแบบ 1 ทางครึ่งในโลกออนไลน์นั้นส่งผลให้คุยกับไม่รู้เรื่อง แต่ในที่สุดแล้ว พอต่างคนต่างมาคุยกันต่อหน้า แม้ผลลัพธ์จะลงเอยด้วยดีหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุดต่างคนต่างก็จะเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งชัดเจนกว่าตอนไปจินตนาการเอาเองที่หน้าคอม
เหมือนจะบอกเราเป็นนัยๆ ว่า การสื่อสารแบบเผชิญหน้า เห็นหน้าตา ท่าทาง และอารมณ์ คือรูปแบบการสื่อสารที่ดูจะพร่องลงไปในสังคมทุกวันนี้ และมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากสังคมจะดูมีช่องว่างระหว่างกันที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ความใกล้ชิดน้อยลง และความไม่เข้าใจดูจะขยายขนาดมากขึ้นๆ
… เพราะคนไม่น้อย เข้าใจคนอื่นบนความเข้าใจของตนเอง (ซึ่งบางทีก็ “ใช่” แต่หลายทีก็ “ไม่ใช่”)
อีกจุดหนึ่งที่ผมชอบในหนัง Hallmark คือ ยามพระ-นางมีปัญหามากๆ เข้า หนังมักจะกำหนดให้บุคคลหนึ่งปรากฏตัวขึ้น มาคุยกับพระเอกหรือนางเอก เพื่อช่วยปรับความเข้าใจ ซึ่งบุคคลเหล่านั้นมักเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เช่น พ่อ, แม่, พี่ และถ้าดูจากอายุแล้ว ทุกคนมักเป็นคนยุค Pre-Online ทั้งสิ้น (คือเกิดมาก่อนยุคสังคมออนไลน์น่ะครับ ว่างั้นเถอะ)
ผมว่าน่าสนใจดีครับ เพราะหนังของค่ายนี้มักแทรกประเด็นครอบครัวและการเป็นที่พึ่งหรือที่ปรึกษาที่ดีของผู้หลักผู้ใหญ่ใส่ลงในหนังอยู่เรื่อยๆ มันเป็นการเพิ่มความอบอุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม
และที่เยี่ยมกว่านั้นคือ นี่เป็นการเอาหลักคิดที่ดูจะเก่ามาปรับใช้กับปัจจุบัน ทำให้คนหนุ่มสาวหลายคนที่มักจะยึดถือปรัชญาเท่ห์ๆ 3 บรรทัด หรือคำคมสวยๆ ตามโลกออนไลน์ ได้ตระหนักว่า หลักคิดและหลักดำเนินชีวิตที่แท้น่ะ มันไม่ได้จบหรือกระชับง่ายแบบที่เห็นเท่ห์ๆ ในโลกออนไลน์หรอก
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมคิดก็คือ ยุคหนึ่งบ้านเรามักบอกว่าตะวันตกครอบครัวไม่อบอุ่นหรอก ตะวันออกของเรานี่สิ ครอบครัวรักกันแน่นแฟ้นมากกว่า
แต่ทุกวันนี้ หนังฝรั่งมังค่าพยายามสอดแทรกฉากพ่อหรือแม่ หรือคนเฒ่าคนแก่มามีบทบาทสอนสั่งคนรุ่นใหม่ ช่วยชี้ทางสว่างให้ หรือไม่อย่างน้อยก็มีตักไว้ให้ลูกหลานพักพิงซบยามอ่อนแรง
แต่ทำไมบ้านเรา มักจะเน้นไปที่ฉากครอบครัวตีกัน, พ่อมีเมียน้อย, เมียหลวงลวงสังหาร, เมียน้อยคอยแทงข้างหลัง, ลูกไม่ฟังพ่อแม่, สังคมสองหน้าหาเรื่องให้ร้ายกัน, แย่งชิงผลประโยชน์กัน ฯลฯ
อะไรเหล่านี้มันกำลังบอกอะไรกับเราอยู่?
คือถ้าจะบอกว่าก็ตะวันตกครอบครัวไม่อบอุ่นไง เลยต้องมีฉากแบบนี้มาส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัว และการที่บ้านเราขยันทำละครแบบนี้ออกมานี่ก็เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้เดินตามไง
… มันใช่อย่างนั้นจริงๆ?
สรุปว่าหนังทำออกมาได้โอเคนะครับ อาจไม่ได้สนุกสุดๆ แต่ถือว่ากลมกล่อมในฐานะหนังรักที่สอดแทรกประเด็นให้ชวนคิด แม้บทสรุปจะลงสูตรทุกอย่าง แต่เชื่อเถอะครับว่าถ้าใครชอบหนังรักที่ความยาวไม่มากเกินไป (แค่ไม่ถึงชั่วโมงครึ่ง) และชอบหนังรักไม่หวานเกินงาม เรื่องนี้จัดว่าเข้าที่พอตัวครับ
คะแนนความชอบ 6.5/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
จักรยานสีแดง
2796 0จักรยานสีแดง เข้าฉายเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2540 นำแสดงโดย มอส (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ วาที หนุ่มน้อยที่เพิ่งได้เข้าสู้ชีวิตของเด็กมหาลัย เป็นเรื่องราววุ่นๆของความรักและจักรยานสีแดง เมื่อวาที ได้ไปรู้จักรกับและหลงรัก เปรี้ยว สาวที่ขี่จักรยานสีแดง ตัววาทีเองก็ไล่ตามจีบเปรี้ยวด้วยวิธีต่างๆ จนเปรี้ยวยอมให้ยืมจักรยาน แต่แล้วด้วยความเข้าใจผิดทำให้ วาที โดนหาว่าเป็นขโมยจนต้องโดนลงโทษด้วยการถูกเตะลงน้ำ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ตัววาทีเองสงสัยว่าทำไมเปรี้ยวถึงไม่มาเป็นพยานให้เขา แต่โชคดีที่ได้ ขม ไปช่วยพูดให้เปรี้ยวมาเป็นพยานให้ แล้วหลังจากนั้นวาทีก็ได้คบกับเปรี้ยว การคบกันเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดีแต่ก็เกิดเหตุไม่คาดคิด เปรี้ยวขอเลิกกับวาทีเพราะเหตุผลบางอย่าง วาทีจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ติดตามได้ใน เรื่องจักรยานสีแดง ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉
รีวิว Cleveland Abduction (2015) คดีลักพาตัวคลีฟแลนด์
2440 1Cleveland Abduction สร้างจากเรื่องจริงของ มิเชลล์ ไนท์ (Taryn Manning) ผู้หญิงที่โดนชายชื่อ แอเรียล คาสโตร (Raymond Cruz) จับตัวไปกักขังและขืนใจกว่า 11 ปี ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Sharknado 3: Oh Hell No! (2015) ฝูงฉลามทอร์นาโด 3
2033 0เชื่อไหมครับ หากผมจะบอกว่า ผมชอบ Sharknado 3: Oh Hell No! ไม่น้อยหน้าไปกว่าภาค 2 เลย ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ผู้กำกับ Anthony C. Ferrante และผู้เขียนบท Thunder Levin เขารู้น่ะครับว่าตัวเองกำลังทำอะไร และเขารู้ว่าคนดูต้องการอะไร ดังนั้นพวกเขาเลยใส่อะไรเหล่านั้นลงมาแบบครบเครื่องและเต็มสูบ เรียกว่าถ้าใครชอบแนวนี้ก็ต้องโดนล่ะ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด