รีวิวซีรี่ส์ Mother Game (2015)
https://www.youtube.com/watch?v=jDyblJe3Lz4
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ถ้าถามว่าซีรี่ส์ที่ผมชอบที่สุดเมื่อปีกลายคือเรื่องอะไร ก็ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่ามี Forever (ที่อายุสั้นแค่ 1 ปีแล้วก็โดนเลิกสร้าง) กับเรื่องนี้นี่แหละครับ
บอกตรงๆ เลยว่าตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะชอบขนาดนี้นะ แต่พอดูจบนี่ยกให้ครองอันดับ 1 แห่งปีคู่กับ Forever ไปเลย
เรื่องของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คิโกะ คันบาระ (Fumino Kimura) ที่ต้องเปิดร้านอาหารทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูกชายตัวน้อย อันทำให้เธอไม่มีเวลาให้ลูกครับ จำเป็นต้องพึ่งพาศูนย์รับดูแลเด็ก แต่เนื่องจากคิวเต็ม และประจวบเหมาะกับที่มีผอ.โรงเรียนอนุบาลชื่อดังมาเสนอรับลูกชายของเธอไปเรียนที่โรงเรียน เธอก็เลยตกลงรับข้อเสนอไป
แต่ที่เธอไม่รู้เลยก็คือโรงเรียนที่ว่านี้เต็มไปด้วยคุณแม่ไฮโซ และคุณแม่ที่พยายามจะไฮโซเพื่อจะได้เข้ากลุ่มได้ ทว่าคิโกะนั้นไม่ใช่คนตามกระแสอยู่แล้วครับ เธอก็ยืนหยัดที่จะเลี้ยงลูกด้วยความรักแบบบ้านๆ ของเธอนี่แหละ และการที่เธอทำเช่นนั้น ก็เลยส่งผลให้เธอต้องปะทะกับเหล่าแม่ๆ ไฮโซ (ทั้งปะทะตรงๆ และอ้อมๆ) อันนำมาสู่เรื่องราวที่ทำให้ผมติดตั้งแต่ต้นจนจบ
ซีรี่ส์สไตล์ญี่ปุ่นแบบที่ผมชอบครับ ตัวเอกมาพร้อมความแปลกแยก (แต่ก็มีดีในแบบของตัวเอง) มาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดในสังคมๆ หนึ่งตามแต่หนังจะไปโฟกัส บางทีก็ไปเกิดที่โรงพยาบาล, บางทีก็เกิดในบริษัท, บางทีก็เกิดในร้านหนังสือ ฯลฯ โดยเรื่องนี้เกิดที่โรงเรียนอนุบาลครับ
ว่าตามจริงแล้ว 2 – 3 ตอนแรกผมยังไม่ติดหรอกครับ แต่พอดีช่วงนั้นลูกเพิ่งเข้าเนสเซอรี่ เลยอดไม่ได้ที่จะเอามาดู แต่ทีนี้พอดูไปเกินตอนที่ 3 ชักจะติดแบบเป็นเรื่องเป็นราวครับ
ที่ติดอย่างแรกเลยเพราะสนุกดี การเดินเรื่องถือว่าฉับไว มีความอบอุ่นและกินใจแฝงอยู่เป็นระยะๆ
ติดอย่างที่ 2 เพราะมีแง่คิดในการเลี้ยงลูก, การศึกษา และการเข้าสังคมสอดแทรกอยู่ทุกตอน ซึ่งช่วงนั้นตอนที่ผมเริ่มดู ถ้าจำไม่ผิดก็จะมีกระแสเรื่องเกี่ยวกับการศึกษากำลังร้อนอยู่ในบ้านเรา และรู้สึกจะมีคนเอาด้านไม่งามของระบบการศึกษาของญี่ปุ่นมาโพสต์ลงด้วย ซึ่งก็ทำให้มองหนังเรื่องนี้ในหลายแง่มุมมากขึ้น (และแน่นอนว่ามองถึงบ้านเราด้วย)
ติดอย่างที่ 3 เพราะตัวละครไม่งี่เง่าครับ คือปกติถ้าเป็นหนังหรือละครแนว แม่ๆ ไฮโซ คอยแย่งซีนและอิจฉากัน มันก็จะเต็มไปด้วยการวีน การทะเลาะ การหาเรื่องรังแกกัน หรือการแกล้งแบบนางอิจฉา ซึ่งในเรื่องก็เหมือนจะมีนะครับ มีแบบแว้บๆ ในตอนแรกๆ
แต่พอเรื่องดำเนินไป การเฉือนคมของแม่ๆ มันไม่ใช่การเฉือนแบบต๊องๆ ไร้สมอง แต่มันคือ Mother Game จริงๆ ครับ มีการวางแผนตลบหลังช่วงชิงอะไรบางอย่าง (เช่น ความเป็นดาวเด่นของลูก, อนาคตการศึกษาของลูก, ตำแหน่งลำดับชนชั้นในโรงเรียน ฯลฯ) แต่เป็นไปแบบพอดี และหนังยังนำเสนอ “ปมในใจของตัวละคร” คู่กันไปด้วย
เช่นที่คุณแม่คนนี้ทำแบบนี้ ก็เพราะแม่สามีเป็นแบบนั้น บีบคั้นต่อๆกันมาอะไรแบบนี้เป็นต้น และดีกรีความร้ายก็ไม่ได้ร้ายเกินจนหงุดหงิด แต่เป็นความร้ายแบบมีลิมิตและไม่ล้ำเส้น เลยทำให้รสชาติปมในส่วนนี้มันพอดีน่ะครับ ไม่ได้ร้ายเว่อร์ ไม่ได้ร้ายการ์ตูน ไม่ได้กรี๊ดใส่กัน 180 เดซิเบล แต่มันคือ “การพยายามรักษาที่มั่นของตัวเองในฐานะแม่ เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถเปิดโอกาสที่ดีให้กับอนาคตของลูกได้” มากกว่า
และที่ทำให้ผมติดรุนแรงคือ แม่ๆ แต่ละคนฉลาดครับ เหมือนกับช่วงแรกๆ เป็นการพยายามปกป้องอนาคตลูกในแบบของตัวเอง แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งทุกคนจะมีสติ จะไม่ลืมไปว่า “เราคือแม่” และเมื่อตระหนักได้ถึงความเป็นแม่ เธอก็จะทบทวนในสิ่งที่พวกเธอกำลังกระทำ ว่ามันใช่บทบาทของแม่จริงๆ หรือ? มันคือสิ่งที่แม่ควรทำจริงๆ หรือ? ซึ่งผมชอบมากๆ เพราะมันเป็นการเตือนสติพ่อๆ แม่ๆ อย่างเราๆ ได้อย่างดีเลยครับ
มันมีนะ วันที่เราเหนื่อย วันที่เจอปัญหา วันที่เราล้า วันที่เราแทบอยากจะลาออกหรือพักงานจากความเป็นพ่อแม่ ซึ่งเราเหนื่อยได้ครับ และอยากจะลาออกก็ได้
“แต่ทำได้อย่างมากก็แค่ “อยาก” เท่านั้น เพราะเราน่ะลาออกจากการเป็นพ่อแม่ไม่ได้หรอก”
ซึ่งบางทีเราไม่ได้ต้องการอะไรมากล่ะครับ ต้องการแค่การพัก ต้องการความช่วยเหลือ หรือบางทีก็ต้องการมุมมองดีๆ ที่จะเติมพลัง หรือทำให้เราสามารถรับมือกับความอ่อนล้าที่เกิดจากบทบาทพ่อแม่ได้
และผมพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าหนังเรื่องนี้ มีแง่คิดดีๆ มีสาระดีๆ ที่พ่อแม่อย่างเราเอาไปปรับใช้ หรือเอาไว้เตือนตัวเองเวลาอ่อนล้าแบบโคตรๆ ได้ (นี่ถือเป็นซีรี่ส์ที่พ่อแม่บางคนอาจเอาไปใช้ปรับทัศนคติของตัวเองได้เลย ผมว่างั้นนะ)
จุดชอบยังไม่หมดครับ ผมชอบที่จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีแม่บางคนมาจุดไฟหาเรื่องให้มีอีกคนเกิดความหึงหรือสงสัยว่าสามีตัวเองไปเกาะแกะกับคิโกะหรือเปล่า ตอนแรกผมก็คิดล่ะครับว่ามันจะออกแนวละครน้ำเน่าไหมหว่า
แต่ปรากฏว่าคุณแม่ที่… ถ้าหากเป็นละครไทยคงเกลียดคิโกะ และระแวงว่าคิโกะจะไปเกาะแกะสามีไปแล้ว แต่คุณแม่คนนี้กลับมีสติไตร่ตรองคิด และคุยกับคิโกะตรงๆ จนได้คำตอบครบถ้วนแบบไม่ต้องมโนเอาเอง
และคุณแม่คนนี้ยังตบท้ายกับคิโกะว่า “มีคนส่งรูปคุณกับสามีของฉันมาให้ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นใคร เขาก็ย่อมมีเจตนาไม่บริสุทธิ์แน่ คุณต้องระวังคนๆ นี้ให้ดีนะคะ”
ตอนนั้นผมอุทานออกมาเลยครับว่า “สุดยอด!!!!”
อย่างที่บอกครับ ไม่งี่เง่า แต่ชี้ชวนให้เราคิดและมีสติกับชีวิต
และที่ชอบอีกอย่างคือธีมหลักของซีรี่ส์ที่มาในแนวป็อบร็อกเท่ห์ ที่ตอนแรกดูเข้ากับคาแรคเตอร์ของคิโกะดี แต่พอนานๆ ไป ปรากฏว่าธีมนี้กลายเป็นธีมที่จะปรากฏขึ้นยามที่คุณแม่คนอื่นๆ ทำอะไรเท่ห์ๆ จนทำให้มันกลายเป็นธีมที่เท่ห์โคตรๆ ขึ้นมา
โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่คุณแม่คนหนึ่งเจอปัญหาหนักมาก รุนแรงมากจนใครต่อใครคิดว่าเธอคงหมดแรงแล้วล่ะ แต่พอเธอปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมเพลงธีมนี้เท่านั้นแหละ คือ… แมร่งโคตรเท่ห์อ้ะครับ ต้องขอใช้คำนี้เลยนะ เพราะอารมณ์มันอย่างพีคจริงๆ
สรุปนะครับ ซีรี่ส์นี้สนุกมาก ดีมาก เข้มข้นครบเครื่องมาก
และสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ผมอยากให้ทุกท่านได้ลองดูมากๆ
คะแนนความชอบ 9/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Sherlock: The Abominable Bride (2016)
2846 0ฟินจริงอะไรจริงครับสำหรับ Sherlock ตอนพิเศษที่ฉายอุ่นเครื่องรอการมาของปี 4 ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Man Who Knew Infinity (2015) อัจฉริยะโลกไม่รัก
2663 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังแนวชีวประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวของ ศรีนิวาสะ รามานุจัน ชาวอินเดียผู้เป็นอัจฉริยะแห่งโลกคณิตศาสตร์ เขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมากว่า 4,000 ชิ้นครับ ไม่ว่าจะงานวิจัยหรือทฤษฎีบทต่างๆ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Make Your Move (2013) เต้นถึงใจ ใจถึงเธอ
2097 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังแนวเต้นสู่ฝันแบบเดียวกับ Step Up ครับ โดยงานนี้เป็นหนังร่วมทุนกับทางเกาหลีด้วย ซึ่งนางเอกของเรื่องไม่ใช่ใครครับ เธอคือ BoA นักร้องชื่อดังของเกาหลีนั่นเอง พระเอกคือ Derek Hough ที่แฟนๆ Dancing with the Stars น่าจะจำได้ ซึ่งเขาถึงขั้นยอมไม่เล่นปี 10 ของรายการนี้เพื่อมาเล่นหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องก็ตามสูตรครับ เขารับบทเป็น ดอนนี่ หนุ่มที่รักการเต้นเป็นชีวิตจิตใจ แต่มันกลับทำให้เขาโดนเพ่งเล็งจากตำรวจที่ไม่ชอบพวกเต้นข้างถนน เขาเลยต้องย้ายมานิวยอร์ก แล้วก็พยายามตามฝันให้สำเร็จ แม้มันจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แล้วเขาก็ได้เจอกับ เอย่า (BoA) สาวนักเต้นที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อฝันเช่นกัน แล้วเรื่องราวของพวกเขาก็เริ่มต้นครับ ถ้าให้ว่าตามจริงแล้ว