รีวิว (ลงลึก) Midnight in Paris (2011) คืนบ่มรักที่ปารีส (ตอนที่ 2)
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
บทรีวิวนี้มีการสปอยล์ครับ กรุณารับชมภาพยนตร์ก่อนอ่านครับ
หนังเรื่องนี้ยังคงมีกลิ่นอาย “ธีม” ที่เราพบเห็นในหนังของลุงเขาบ่อยๆ นั่นคือเรื่องความไม่ลงตัวของชีวิตคู่ ประมาณว่าตัวละครในเรื่องมักจะต้องมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งพวกเขาก็จะตระหนักว่าเอาเข้าจริงๆ แล้วพวกเขาคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ หรือไม่ก็จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเจอคนที่ใช่กว่า อันนำมาสู่การแยกทางกันในที่สุด (ซึ่งคุณผู้ชมหลายท่านก็ชอบลิ้งค์ประเด็นนี้เข้ากับชีวิตจริงของลุงเขาอยู่ เสมอๆ)
มองในมุมหนึ่งเราอาจเห็นว่าหนังของลุง Woody มีเรื่องการนอกใจกันบ่อยจัง แต่ถ้ามองอีกมุมหนังก็สะท้อนความจริงบางประการได้เหมือนกันครับ เพราะเอาเข้าจริงแล้วคู่รักบางคู่ก็อาจจะยังไม่ใช่จริงๆ อย่างกิลและอินเนซที่แม้จะคบหากันมานานนม แต่ก็เหมือนคู่รักอีกมากมายที่พอหมดช่วงโปรโมชั่นแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (หรือทั้งคู่) ก็จะเริ่มแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ซึ่งจะอยู่กันได้หรือไม่ก็ต้องมาดูกันตอนนี้ล่ะครับ
ชีวืตคู่ก็เหมือนเครือข่ายมือถือนั่นแหละครับ อย่าดูแค่ตอนช่วงโปรว่าบริการดีไหม แต่ต้องดูยาวมาถึงตอนหมดโปร ว่าอะไรๆ ที่เคยดียังดีอยู่หรือเปล่า
จุดนี้หากจะกล่าวว่าฝ่ายใดไม่ดีก็อาจไม่เป็นธรรมนักครับ จริงๆ เขาอาจไม่ได้ไม่ดีอะไรหรอก แค่ตอนคบกันแรกๆ เขาก็พยายามทำตัวเองให้ดี จนบางทีก็ฝืนธรรมชาติตนแต่ก็ทนๆๆ เอง
ครั้นพอจีบสำเร็จได้อยู่กันไป พักหนึ่ง คนที่ฝืนก็อาจอ่อนล้าจนเผยตัวตนออกมา หรือ ฝ่ายที่เคยถูกตามใจมาเสมอๆ ก็อาจเสพติดการตามใจนั้น ครั้นอีกฝ่ายไม่ค่อยตามใจเราก็จะมองว่าเขาเปลี่ยนไป ฯลฯ นี่เพียงตัวอย่างนะครับ อันว่า “วันหมดโปร” “วันรักหมดอายุ” หรือ “วันรักจืดจาง” นั้นมันเกิดได้หลายสาเหตุ อาจเพราะเขาเปลี่ยนไปจริงๆ หรือไม่ได้เปลี่ยนแต่แค่กลับเป็นตัวตนคนเดิมที่เขาเคยเป็นมาก็ได้
หนัง ของลุง Woody หลายเรื่องพอดูแล้วมันฉุกคิดนะครับ ยิ่งช่วงไหนมีปัญหากับคนรักแล้วดูหนังของลุงเขาเข้ามันเหมือนเตือนสติให้เรา ทบทวนว่าปัญหาระหองระแหงที่มีนั้นมันเกิดจากอะไร มันเกิดเพราะเรา เพราะเขา หรือทั้งสองฝ่าย และที่สำคัญคือปัญหาที่เกิดนั้น มันเกิดเพราะเราสองเข้ากันไม่ได้จริงๆ หรือเป็นเพียงข้อขัดแย้งที่สามารถแก้ไขได้ สามารถปรับตัวเข้าหากันได้
หลาย คนอาจมองว่าหนังลุง Woody ชอบว่าด้วยเรื่องนอกใจหรือสนับสนุนเรื่องชู้ๆ แต่ผมกลับมองว่าหนังของลุงเขาชวนให้ใจเราทบทวนชีวิตรักของเรา สำรวจดูว่ารักที่เรามีนั้นมีปัญหาแอบแฝงหรือไม่ เรารักเขาจริงไหม แล้วนิยามรักของเรามันคืออะไร ฯลฯ
หลายครั้งที่ดูหนังของลุงเขาแล้ว เหมือนโดนลุง Woody แอบยัดคำถามข้อหนึ่งไว้ในสมอง… คำถามก็คือ “รู้จักตนเอง รู้ใจตนเอง มากน้อยแค่ไหน?”
จะว่าไปใน Midnight in Paris ก็เหมือนภาพการเดินทางค้นหาบางสิ่งในตนเองของกิล (ที่อาจจะออกแนวแฟนตาซีสักหน่อย) ที่พอเปิดเรื่องมาเราก็จะเห็นว่ากิลยังไม่มั่นใจในงานเขียน อีกทั้งความรักที่ว่าแน่ๆ ของเขากับอินเนสก็เหมือนจะมีช่องว่างเกิดขึ้น และในช่วงที่เขาสับสน ว้าวุ่น และว้าเหว่ก็มีราชรถจากอดีตมานำพาเขาไปรู้จักกับนักเขียน ศิลปิน และนักสร้างหนังมากมาย…
ในทางหนึ่งมันก็คือการเดินทางที่ทำให้กิล ได้รู้จักเหล่าศิลปิน แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นการเดินทางที่ทำให้เขาได้รู้จักตนเองมากขึ้นด้วย
บางครั้งเราสามารถรู้จักตัวเองมากขึ้นได้ โดยมีผู้อื่นนี่แหละครับ ทำหน้าที่เป็นดั่งกระจกสะท้อนตัวตนของเรา
นอก จากนี้ยังมีปมชวนคิดเล็กๆ น้อยๆ โปรยอยู่ตลอดเรื่อง เช่น ตัวละครอย่าง พอล เพื่อนจอมอวดรู้ของอินเนซที่ชอบโชว์ภูมิว่าตนรู้เยอะ ครั้นพอมีคนทักท้วงว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันผิดก็เอาแต่ยืนกระต่ายขาเดียวไม่ ยอมรับว่าตัวเองรู้มาผิด (เพราะไม่ยอมเสียฟอร์ม) นี่ก็แอบจิกกัดคนชอบอวดภูมิได้แบบน่ารักพอสมควร อันนี้ขอชื่นชม Sheen ที่แสดงบทนี้ได้เยี่ยมดีจริงๆ
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมชอบคือ “เรื่องการเดินกลางสายฝน” ครับ ที่กิลมักจะพร่ำพูดเสมอว่าการเดินในกรุงปารีสกลางสายฝนนั้นมันคือสุดยอด กิจกรรมที่งดงาม แต่อินเนซกลับมองเพียงว่ามันจะไปสนุกอะไรกับการทำให้ร่างกายเปียกปอน ซึ่งจะว่าไปก็ไม่มีใครผิดครับ มองถูกทั้งคู่นั่นแหละ เพียงแต่มันคนละมุมเท่านั้นเอง และนั้นก็สะท้อนความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้อย่างดี
และแน่นอนว่าประเด็นนี้ทำให้ฉากจบมัน “งดงาม” และ “ถึงอารมณ์” อย่างสุดๆ ด้วย
เป็นหนังที่ดูสนุกและเพลินมากๆ ของลุง Woody ครับ จนไม่แปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะทำเงินสูงสุดในบรรดาหนังทั้งหมดของลุงเขา มันลงตัวมากครับ บทชวนติดตามและชี้ชวนให้คิด ดาราแสดงดี ลีลาเล่าเรื่องน่าสนใจ บรรยากาศงดงามของกรุงปารีสก็ถูกนำมาใช้แบบพอเหมาะ และที่ผมชอบมากๆ อีกอย่างก็คือดนตรีครับ โดยเฉพาะช่วงต้นของหนังความยาวประมาณ 4 นาทีก่อนจะเข้าเรื่อง เราจะได้เห็นภาพทิวทัศน์ในกรุงปารีสพร้อมดนตรีแสนไพเราะ จนผมขอยกให้เป็นหนึ่งในฉากเปิดเรื่องของภาพยนตร์ที่จับใจผมที่สุด ดิดอันดับ Top 10 ตลอดกาลทีเดียวครับ (สามารถลองคลิ้กไปดูฉากเปิดได้นะครับ คลิ้กตรงนี้เลยครับ)
(เพลงที่บรรเลงตอนเปิดเรื่องนี้มีชื่อว่า Si Tu Vois Ma Mère ของ Sidney Bechet บรมครูอีกท่านแห่งวงการเพลงแจ๊สที่โดดเด่นมากในลีลาแซ็กโซโฟนและแคลริเน็ท ครับ)
เชียร์ให้ชมเลยครับสำหรับหนังเรื่องนี้ สนุก สวยงาม กลมกล่อมในแบบของลุง Woody จริงๆ แค่สนุกไปกับความคิดของตัวละครและฟังเพลงตอนเปิดเรื่องนั่นก็คุ้มเกินคุ้ม แล้วล่ะครับ
คะแนนความชอบ 8.5/10 ครับ
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Summer in the City (2016)
2376 0ข้อดีอย่างหนึ่งของหนังแนวโรแมนติกคอเมดี้ของ Hallmark ก็คือ สาระแก่นสารของหนังจะเป็นเรื่องของใครสักคนที่พยายามทำตามฝัน ทำเพื่อความถูกต้อง หรือพยายามทำสิ่งดีๆ ให้สำเร็จ แม้ว่าจะต้องเจออุปสรรคแค่ไหนก็ตาม ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Victor Frankenstein (2015) วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์
1781 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด และแล้วการปลุกตำนานแฟรงเกนสไตน์ในหนนี้ก็ถือว่าไม่สำเร็จดังใจหมายครับ ถ้าว่าในแง่รายได้ก็ไม่เข้าเป้าอย่างแรง รวมจากทั่วโลกเพิ่งจะได้ $34 ล้านเท่านั้นเอง (ในขณะที่ทุนสร้าง $40 ล้าน ก็ติดตัวแดงไปพอประมาณครับ) ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Once Upon a Time in Shanghai (2014) อึ้ง ทึ่ง สุ้
1662 0Once Upon a Time in Shanghai หรือ “อึ้ง ทึ่ง สู้” เป็นงานรีเมคจากหนังเก่าคลาสสิกเรื่อง นักชกจากชานตุง โดยเน้นไปที่ฉากการต่อสู้มือเปล่าที่สมจริง แล้วก็นำเสนอด้วยภาพสไตล์หนังเก่าขาวดำครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด