รีวิวซีรี่ส์ Criminal Minds: Beyond Borders ปี 1 (2016)

https://www.youtube.com/watch?v=5edU4eRi12k
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ลึกๆ แอบเชียร์ให้ซีรี่ส์นี้ออกมาดี ดัง และอยู่ได้นานๆ ครับ เพราะชอบ 2 ดารานำไม่ว่าจะ Gary Sinise (พี่แม็ค แห่ง CSI: NY) และ Alana De La Garz (โจ แห่ง Forever ซีรี่ส์ดีแต่อายุสั้นเกิน)
ครั้นพอดูจนจบแล้วความรู้สึกคือกลางๆ ครับ หลายอย่างมันก็ยังเป็น Criminal Minds อยู่นั่นล่ะครับ มีการสืบสวนตัวคนร้ายหรือไม่ก็หาเงื่อนงำช่วยคนที่โดนจับไป โดยใช้ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มาเป็นเครืองนำทาง เช่น ปูมหลังของคน, วัฒนธรรม หรือสิ่งแวดล้อม
ซึ่งถ้ามองในแง่หนึ่งทีมนี้จะสามารถจับประเด็นมาเล่นได้กว้างกว่าด้วย เพราะคดีที่ทีมนี้รับผิดชอบคือคดีต่างประเทศครับ ประมาณว่าถ้าประชาชนชาวอเมริกันไปถูกฆ่าหรือโดนลักพาที่นอกประเทศ ทีมนี้ก็ต้องตามไปช่วย ดังนั้นถ้ามองในแง่ทิศทางถือว่าน่าสนใจ เพราะการสืบคดีแต่ละประเทศมันก็ไม่เหมือนกัน ถ้าทำออกมาดีๆ นี่จะต้องมีสีสันมากมายทีเดียว
แต่ปัญหาก็คือ คดีมันค่อนข้างธรรมดาครับ และการสืบคดีก็ไม่ได้เร่งเร้าหรือน่าสนใจอะไรขนาดนั้น และการไปสืบคดีนอกประเทศแทนที่จะเป็นจุดเด่นดังที่คาดไว้ มันกลับกลายเป็นจุดอ่อนไปเสียได้
อย่างตอนที่ 1 นี่เหตุมาเกิดในประเทศไทยครับ ซึ่งเผอิญเราก็เป็นคนไทยนะ เลยจับผิดโน่นนี่ได้เยอะไปหมด อย่างแรกเลยคือสถานที่ครับ ดูก็รู้ว่าเป็นฉาก คือผมก็พอเข้าใจนะ ซีรี่ส์ทีวีจะให้ยกทีมมาถ่ายนอกประเทศก็คงจะเกินงบไปหน่อย แต่ปัญหาคือทีมงานเหมือนจะทำการบ้านมาไม่แม่นเท่าไรน่ะครับ หลายอย่างมันเลยไม่สมจริง
อย่างสถานที่นี่ก็ดูตลกอยู่ ดูคับแคบเว่อร์ เช่น สำนักงานตำรวจก็ดูเล็กมาก หรือฉากตามตลาดต่างๆ ก็ดูโคตรเป็นฉากน่ะครับ ป้ายต่างๆ แม้จะเป็นภาษาไทยก็จริง แต่ด้วยความที่คนไทยดูมันเลยรู้สึกว่าไม่สมจริงในหลายๆ ฉาก (เช่น ป้ายตรงตลาดท่าน้ำที่เขียนคำว่า “มะละกอ” คือทั้งป้ายเขียนแค่คำว่า “มะละกอ” น่ะครับ เราคนไทยดูก็รู้สึกตลกเลย มันไม่มีหรอกป้ายแบบเนี้ย)
พูดแบบตรงๆ คือภาพของประเทศไทยที่โผล่ในซีรี่ส์มันประหนึ่งว่าเป็นประเทศไทยเมื่อ 30 กว่าปีก่อนน่ะครับ มันดูล้าสมัยมากจนเกินไป คือทางทีมงานอาจมองประเทศไทยเราว่าเป็นแบบนั้นก็ได้น่ะนะครับ แต่เผอิญมันเป็นซีรี่ส์สืบสวนจริงจังน่ะ ลองว่าไม่สมจริงเกินขนาดนี้มันก็เลยอดรู้สึกแปลกไม่ได้
เนี่ยครับ ตอนแรกก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว พอตอนต่อๆ มาก็ไม่ต่างกันครับ เหตุเกิดนอกสหรัฐทุกตอน แต่ฉากหลายๆ ฉากมันโคตรใกล้เคียงกันเลย (อย่างฉากที่เป็นตึกแถวที่เป็นสำนักงานตำรวจของบ้านเราน่ะ ผมว่ามีการ Adapt ไปเป็นฉากอื่นๆ อีกหลายตอนเลยนะ)
ระหว่างดูนี่ในหัวผมก็ผุดอะไรบางอย่างขึ้นมานะ มันผุดขึ้นมาว่า “เอ ซีรี่ส์สืบสวนที่เราดูแล้วมันเจ๋งๆ โดนๆ อย่าง CSI, Castle, NCIS หรือ Bones เนี่ย มันมีองค์ประกอบอะไรถึงทำให้เราชอบและรู้สึกผูกพันกับมัน)
อย่างแรกคือตัวละครที่มีคาแรคเตอร์ชัด มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง คือบางคนไม่ได้หล่อไม่ได้สวย แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะก็ทำให้เราชอบได้ ในขณะที่ CM: BB นี้ ตัวละครยังไม่มีคาแรคเตอร์ที่เด่นหรือชัดสักเท่าไร คนที่เด่นสุดก็คือ แจ็ค (Sinise) และ คลาร่า (Garza) 2 ตัวนำนั่นแหละครับ แต่เด่นในที่นี้คือเด่นเพราะโผล่หน้าเยอะ ยังไม่ถึงกับเด่นในแง่คาแรคเตอร์
อย่างที่ 2 คือ “สถานที่ที่พวกเขาสืบคดี” ซึ่งแต่ละซีรี่ส์ที่ผมพูดถึงนั้นจะมีที่ปฏฺิบัติงานประจำที่ชัดเจนครับ เหมือนบ้านน่ะแหละ อย่างทีมพี่กริสซั่มก็คือเวกัส, ทีมโฮราจิโอ้ก็คือไมอามี่ หรือ Hawaii Five O ก็คือฮาวาย ฯลฯ เหล่านี้ตอนแรกๆ เราอาจจะยังไม่อะไรครับ แต่พอดูต่อๆ กันสัก 1 ปี เราจะเริ่มผูกพันกับสถานที่หรือจะเริ่มคุ้นไปด้วย ยิ่งถ้าทีมงานรู้จักผลักดันเสน่ห์เจ๋งๆ ของเมืองนั้นๆ ใส่มาในจอแล้วล่ะก็ เราก็จะยิ่งผูกพันง่ายขึ้นไปอีก
ครับซีรี่ส์ส่วนมาจะมีตัวละครดีและมีสถานที่ประจำ หากทำได้มาตรฐานเราก็จะผูกพันไปกับแต่ละทีมโดยปริยาย
แต่กระนั้นก็ไม่เสมอไปนะครับ บางซีรี่ส์ไม่มีสถานที่ประจำก็มี อย่าง The X-files, MacGyver หรือ Doctor Who ที่ไปไหนมาไหนแทบจะไม่ซ้ำ แต่ทำไมมันถึงสนุกล่ะ? คำตอบก็คงเพราะบรรยากาศมันได้ พล็อตมันโดน เนื้อเรื่องมันน่าติดตาม จนเราไม่สนเรื่องสถานที่ไปเลยครับ (แต่แม้ซีรี่ส์ที่ว่าจะไม่เน้นสถานที่ แต่ทุกฉากที่ตัวละครเดินทางไปก็สมจริงในแบบของมัน)
สรุปนะครับ ปีแรกยังไม่ลงตัวเท่าไร ตัวละครยังไม่ลงล็อค คดีก็ไม่ถึงกับชวนติดตามสักเท่าไร การสืบหรือการคลายปมก็ไม่มีลูกเล่นอะไรนัก และปัญหาหนักคือการที่ซีรี่ส์ประกาศว่าทีมนี้เดินทางไปทั่วโลก แต่เอาเข้าจริงกลับเต็มไปด้วยฉากที่ทำการเซ็ทขึ้นมา ซึ่งผมก็เข้าใจนะ ทีมงานเองก็คงกดดันน่ะครับ พอธีมซีรี่ส์คือ “ต่างประเทศ” ทีมงานเลยพยายามเซ็ทฉากตลอด แต่พอเซ็ทมากๆ ในงบที่ไม่มาก ผลที่ได้มันเลยไม่โอเค หลายๆ ฉากก็ยังดูเป็นฉากอยู่เหมือนเดิม
แต่นี่ได้รับการต่ออีกปีแล้วครับ (แอบเสียใจนะเนี่ย ที Forever ไม่ได้ไปต่อ แต่ซีรี่ส์นี้ดันได้ไป ส่วนหนึ่งก็เพราะบารมีความเป็น Criminal Minds ที่สะสมมานานนั่นเองล่ะครับ) ก็ขอรอดูกันต่อไป หวังว่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
คะแนนความชอบ 6/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิวซีรี่ส์ Parks and Recreation (2009 – 2015) ตอนที่ 2
2247 0https://www.youtube.com/watch?v=9djCOPHOvOw ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด สำหรับผมซีรี่ส์นี้เลยไม่ใช่แค่ซีรี่ส์เอาฮาเท่านั้น แต่มันมีแง่คิดดีๆ ให้เราเก็บเอาไปใช้เป็นคติเดือนใจในการดำรงชีวิต ในการเผชิญโลกที่พร้อมจะมีปัญหาถาโถมมาหาเราได้ทุกเวลา บางทีเราไม่ต้องการอะไรมากหรอกครับ ขอแค่มีคนเข้าใจ มีคนให้กำลังใจ และมีพื้นที่ให้เราพักบ้าง แค่นี้ก็ดีแล้ว ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิวซีรี่ส์ American Horror Story Season 2 (บ้านลับวิญญาณหลอน ปี 2)
2018 0สำหรับผมแล้ว American Horror Story ปี 1 ถือเป็นออเดิร์ฟครับ ในขณะที่ปี 2 ถือว่าจัดเต็มมากขึ้นกว่าเดิม (และจนถึงนาทีนี้ ผมยังชอบปี 2 ที่สุดอยู่ครับ) ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Girl on the Train (2016) ปมหลอน รางมรณะ
2475 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด จากนิยายลึกลับระทึกขวัญเรื่องดังสู่หนังจอเงินครับ พล็อตที่ควรรู้ก็มีแค่ว่า เรเชล (Emily Blunt) คือหญิงสาวที่ยังคงอยู่ในภาวะซึมเศร้าหลังจากต้องแยกทางกับคนรัก เธอค่อนข้างโทรมจนคนรอบตัวสัมผัสได้ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด