รีวิว What If (2014) รักได้มั้ย ถ้าหัวใจแอบรัก
2005 0What If ชวนให้นึกถึงหนังแนวเพื่อนแอบรักเพื่อนอย่าง When Harry Met Sally ซึ่งจุดที่จะทำให้หนังสนุกก็อยู่ที่ว่า “บทสนทนาระหว่างพระเอกนางเอกจะออกรสอร่อยไหม“
รีวิว The Purge: Anarchy (2014) คืนอำมหิต คืนล่าฆ่าไม่ผิด
2706 0พูดได้แบบเต็มปากเต็มคำว่าชอบ The Purge: Anarchy เป็นยิ่งนัก ตอนดูช่วง 10 นาทีแรกก็ยังไม่รู้สึกอะไรนะครับ เพราะถ้าให้ว่าตามจริงแล้วภาคแรกเปิดเรื่องได้น่าสนใจกว่า ไม่ว่าจะเพราะหน้าดาราหรือการเปิดประเด็นเรื่อง “คืนล้างบาป” ที่ทำให้รู้สึกว่าหนังมาพร้อมความสดใหม่ ในขณะที่ภาคนี้เปิดเรื่องมาเหมือนหนังชีวิตที่เรื่อยๆ ยังไม่ถึงกับโดนใจอะไร แต่พอคืนล้างบาปเริ่มเท่านั้นล่ะ… “ของมันส์ๆ” ไหลมาเทมาทันที
รีวิว The Purge (2013) คืนอำมหิต
19873 1ในแง่หนังระทึกขวัญ The Purge ถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ อาจไม่ถึงกับตื่นเต้นหรือลุ้นอะไรมากมาย จุดดีจริงๆ ของหนังคือความสดในเรื่องของ “คืนล้างบาป” ที่เข้าใจคิดจริงๆ
รีวิว 22 Jump Street (2014) สายลับรั่วป่วนมหาลัย
18085 1รีวิวหนัง 22 Jump Street เป็นภาคต่อที่ทำออกมาได้ฮาอย่างแรงจริงๆ ครับ มันสนุกโคตรๆ หนังรวยมุขมากๆ ไม่ว่าจะมุขตลกท่าทาง, ตลกคำพูด, มุขแซวตัวเอง, มุขแซวหนังภาคต่อ, มุขแซวเด็กมหาลัย และมุขยิบย่อยที่หนังสอยเสียงหัวเราะจากผมไปได้หลายกระบุงสุดๆ
รีวิว 21 Jump Street (2012) สายลับร้ายไฮสคูล
3292 1รีวิวหนัง 21 Jump Street ถือเป็นหนังตำรวจคู่หูคู่ฮาที่ทำออกมาเพลินมากๆ เรื่องหนึ่งครับ Jonah Hill กับ Channing Tatum เล่นคู่กันได้พอดีพอเหมาะจริงๆ คนหนึ่งก็อ้วนเตี้ยเนิร์ดหน่อยๆ อีกคนก็เน้นใช้กำลัง ไม่ถนัดใช้สมอง
รีวิว ความลับนางมารร้าย (2014)
2268 0ความลับนางมารร้าย มีองค์ประกอบเข้าท่าหลายอย่าง ตั้งแต่การแสดงที่เด่นเอาเรื่องของอาเล็ก ธีรเดช, ความกวนยวนๆ ของพี่ยัด เฟ็ดเฟ่, รัศมีของคุณเพ็ญพักตร์ที่สามารถขโมยซีนได้ทุกรอบที่ปรากฏตัว และความน่ารักในหลายวาระของมิน พีชญา (เช่น ฉากท้ายเรื่อง เป็นต้น)
รีวิว Rurouni Kenshin: The Legend Ends (2014) รูโรนิ เคนชิน คนจริงโคตรซามูไร
2311 0ยกให้ Rurouni Kenshin: The Legend Ends เป็นหนังที่มีฉากดวลดาบ “โคตรมันส์ที่สุด” ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา!!!
รีวิว Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno (2014) รูโรนิ เคนชิน เกียวโตทะเลเพลิง
1188 0หลังจากภาคแรกทำออกมาเวิร์ก ก็ตามดูต่อกับภาค 2 ครับกับ Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno ที่ทำออกมาเวิร์กเหมือนกัน คราวนี้มือสังหารที่มาพร้อมเพลิงแค้น ชิชิโอ มาโคโตะ (Tatsuya Fujiwara) ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกองทัพซามูไรนอกแถว และมีแผนยึดครองประเทศญี่ปุ่น ทำให้ฮิมุระ เคนชิน (Takeru Satô) ซามูไรพเนจรเจ้าของดาบสลับคมต้องออกโรงอีกครั้ง
รีวิว Rurouni Kenshin (2012) เคนชิน ซามูไร X
2331 0Rurouni Kenshin หรือ “ซามูไรพเนจร” ฉบับหนังใหญ่ถือว่าทำออกมาสนุก น่าติดตามดีครับ สารภาพว่าไม่เคยอ่านฉบับการ์ตูนมาก่อน (การ์ตูนแนวแอ็กชันของญี่ปุ่นนี่ หลังจาก Dragonball มาก็ไม่เคยอ่านอะไรอีกเลย 555) แต่ก็เพลินกับหนังครับ เรื่องของ ฮิมุระ เคนชิน (Satô Takeru) เจ้าของฉายา “มือพิฆาตบัตโตไซ” ยอดฝีมือในตำนานที่เลือกจะหันหลังให้กับการฆ่าคน (คือยังพกดาบอยู่ แต่เป็นดาบสลับคม โดยด้านคมจะหันเข้าหาตัวเอง) แต่แล้วเมื่อแผ่นดินญี่ปุ่นมีพวกชั่วร้ายเหลิงในอำนาจเกิดขึ้น เขาก็ต้องกลับมาปราบคนพาลอภิบาลคนดี ก็ขอเล่าสั้นๆ แบบคนไม่มีพื้นการ์ตูนเรื่องนี้ล่ะนะครับ ดูสนุกดี แอ็กชันก็มันส์ทีเดียว โดยเฉพาะตอนเคนชินซัดกับตัวสวมหน้ากาก คู่นี้ตีกันออกรสสุดๆ ครับ รวดเร็ว เมามันส์ เร้าใจ (แบบไม่มั่ว) กำลังดีเลยครับ กระนั้นหนังก็เหมือนกับหนังญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่จะไม่กระชับ มีบางช่วงอืดช้าไปบ้าง
รีวิวซีรี่ส์ Arrow แอร์โรว์ คนธนูมหากาฬ ปี 1
1812 0ผมว่านักดูหนังยุคนี้ได้กำไรมากขึ้นนะครับ เพราะซีรี่ส์ปัจจุบันก็แข่งกันทำออกมาให้สนุกน่าติดตาม บางเรื่องมันส์และอลังการไม่แพ้หนังฉายโรงเลย และหนึ่งในซีรี่ส์สนุกๆ ของยุคนี้ก็คงต้องมีชื่อ Arrow ติดอันดับต้นๆ ในใจใครหลายคน Arrow คือการนำเอาซูเปอร์ฮีโร่ค่าย DC อย่าง “กรีน แอร์โรว์” มายกเครื่องลงจอใหม่โดยผูกเรื่องสร้างปมให้สมกับเป็นหนังยุคนี้ เรียกว่ามีการปรับและอัพเกรดหลายอย่างครับ เพราะตัวละครนี้ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1941 (หรือ พ.ศ. 2484… พ่อแม่ผมยังไม่เกิดเลยนะนั่น 555) ตัวละครนี้มีการโผล่มาแจมให้คนดูรู้จักตั้งแต่สมัยซีรี่ส์ Smallville ทีนี้พอเรื่องนั้นจบทาง Warner ก็ตัดสินใจสร้างใหม่พร้อมลงทุนเต็มที่ (ส่วนหนึ่งก็เพื่อรับมือกับความแรงของฮีโร่ค่าย Marvel) และผลที่ได้ก็คือความมันส์ที่น่าติดตามครับ ปี 1 ของซีรี่ส์นี้จัดว่าเด็ดเลยครับ ออกมาอย่างมันส์ ดูแล้วไม่ผิดหวังครับ ทีนี้ถ้าถามว่าชอบอะไรบ้าง ก็ขอว่าเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.
รีวิว Night at the Museum: Secret of the Tomb (2014) ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม ความลับสุสานอัศจรรย์
2665 0Night at the Museum: Secret of the Tomb ทำให้นึกถึงเกมลุยด่านของเครื่อง Famicom สมัยก่อนน่ะครับ เปิดเรื่องมาก็มีเหตุให้ตัวเอกต้องไปลุยในปราสาทหรืออะไรสักอย่าง แล้วพวกพระเอกก็ลุยไป เจออุปสรรค+กับดัก+ค่ายกลระหว่างทาง มีบอสแต่ละห้องให้ปราบ ปราบเสร็จก็ไปห้องถัดไป ดูภาคนี้แล้วมันอารมณ์นั้นเลย ก็ยังดูเพลินนะครับ แต่ภาคนี้แลร์รี่ (Ben Stiller) ดูนิ่ง ฉลาดขึ้น เรียกว่าจากประสบการณ์ 2 ภาคก่อนสร้างให้เขาเป็น “ยามเหนือยาม” ไปแล้ว (555) ส่วน Robin Williams ก็มาเนิ่บๆ สนุกๆ ตามบทจะอำนวยครับ (ยอมรับว่าซีนสุดท้ายของลุงเขา ทำให้คิดถึงเหมือนกันนะครับ) Owen Wilson กับ
รีวิว Taken 3 (2015) เทคเคน 3 ฅนคมล่าไม่ยั้ง
17481 0ขอแบ่งการพูดถึง Taken 3 ออกเป็น 2 ช่วงนะครับ ช่วงแรกเป็น Softcore อ่านเบาๆ และช่วงหลังเป็น Hardcore ขอจัดเต็ม 555 +++ Softcore +++ จุดแข็งของหนังชุด Taken คือช่วงต้นเรื่องอันเป็นการปูพื้นบอกเล่าความสัมพันธ์ตัวละครครับ (เพราะมีหนังบู๊น้อยเรื่องทำได้แบบนี้) ซึ่ง 20 นาทีแรกของ Taken 3 ถือเป็นจุดที่ผมรู้สึกโอเคที่สุด ได้เห็นไบรอัน มิลส์ (Liam Neeson) ซื้อของเล่นให้ คิม (Maggie Grace) และถ่านไฟเก่าคุกับอดีตภรรยา (Famke Janssen) ส่วนเนื้อหาหลังจากนั้นก็คือไบรอันโดนใส่ความว่าฆ่าคน เขาเลยต้องหนีการตามล่าของตำรวจ พร้อมสืบหาฆาตกรเพื่อเคลียร์ตัวเอง
รีวิว Daybreakers (2009) วันแวมไพร์ครองโลก
374 0เป็นหนังแวมไพร์ที่ไม่ธรรมดา มาพร้อมไอเดีย แง่คิด และจัดว่ามีความสดพอตัว เหตุในหนังนั้นเกิดในโลกอนาคตครับ เมื่อคนส่วนใหญ่บนโลกกลายเป็นแวมไพร์กันหมด และเมื่อปฏิทินมาถึงปี 2019 ปรากฏว่าเลือดเกิดขาดแคลนเพราะมนุษย์ก็โดนล่าไปเกือบหมด ทำให้ต้องมีการหาทางผลิตเลือดทดแทน และเอ็ดเวิร์ด ดัลตัน (Ethan Hawke) ก็คือหัวหน้าทีมวิจัยที่กำลังค้นคว้าอยู่ แต่แล้วในเวลาต่อมาเขาก็ได้พบกับ ไลโอเนล คอร์แม็ค (Willem Dafoe) มนุษย์ที่มาพร้อมวิธีการแก้พิษแวมไพร์ ซึ่งเป็นทางออกที่ดีครับ เพราะคนจะได้เลิกกินเลือดแล้วกลับไปเป็นคนธรรมดา ไม่ต้องมาฆ่ากันอีกต่อไป เอ็ดเวิร์ดก็เลยตัดสินใจร่วมมือกับเขาและมนุษย์ที่เหลืออยู่ เพื่อช่วยให้มนุษย์กลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่สามารถดำเนินแผนได้ดั่งใจนัก เพราะยังมีแวมไพร์อีกมากที่ไม่อยากกลับไปเป็นคน ประมาณว่าแวมไพร์น่ะมีพลังสารพัด ดีกว่ากลับไปเป็นคนตั้งเยอะ หรือไม่บางคนก็กลายเป็นแวมไพร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งกายและใจไปแล้ว ดังนั้นการถอนพิษแวมไพร์ก็เท่ากับเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสายตาของพวกเขา ด้วยเหตุนี้พวกเอ็ดเวิร์ดเลยต้องเจอกับการไล่ล่าจนได้ อย่างแรกที่เข้าท่ามากๆ ก็คือโทนเรื่องกับการจัดแสงที่นับว่าดีทีเดียว เพราะทั้งโลกเป็นดินแดนที่มีแต่แวมไพร์อาศัย รูปแบบตึกรามบ้านช่องและในเมืองเลยออกแนวมืดๆ ไม่ค่อยมีแสงส่องถึง ซึ่งทำให้อารมณ์หนังดูหม่นไปในตัว การเดินเรื่องก็ดูเพลินใช้ได้
รีวิว Fright Night (2011) คืนนี้ผีมาตามนัด
4263 2Fright Night เวอร์ชั่นต้นฉบับเมื่อปี 1985 นั้นบอกได้เลยครับว่าสนุก ครบเครื่องทั้งความสยองและอารมณ์ขันที่ผสมลงมาแบบพอเหมาะ และที่ต้องยกนิ้วให้อย่างแรงคือการดำเนินเรื่องที่สามารถไต่ระดับความตื่นเต้นได้แบบถึงเครื่อง ดูไปลุ้นไป ยิ่งใกล้จบก็ยิ่งลุ้นว่าเรื่องจะไปทางไหนต่อ จนผมก็ขอยกหนังเรื่องนี้ขึ้นหิ้งให้เป็นหนังแวมไพร์ที่ผมชอบมากอันดับต้นๆ เอามาเปิดดูซ้ำบ่อยเหมือนกัน
รีวิว Eden Lake (2008) หาดนรก สาปสวรรค์
2402 1Eden Lake ถือเป็นหนังสยองที่ผมดูแล้วรู้สึกกลัวครับ น่ากลัวไม่ใช่น้อยทีเดียว ที่บอกว่าน่ากลัวนี่ไม่ได้หมายถึงฉากการฆ่าที่สยดสยองแบบหนังศุกร์ 13 นะครับ มันอาจไม่แหวะขนาดนั้น แต่มันสร้างความสยองด้วยเรื่องราว บรรยากาศต่างๆ ที่ออกแนวสมจริงและชวนให้กลัวไปถึงขั้วหัวใจ หนังเล่าถึง สตีฟ (Michael Fassbender) และ เจนนี่ (Kelly Reilly) คู่รักที่ตัดสินใจไปตากอากาศกันในป่าเขาลำเนาไพรแบบสองต่อสอง แต่แล้วไม่นานบรรยากาศโรแมนติกที่ทั้งสองต้องการก็จบลง เพราะมีกลุ่มเด็กแถวนั้นมาวิ่งเล่นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว จากการกวนเล็กๆ ที่แค่น่ารำคาญก็เริ่มทวีความรุนแรง จนสตีฟเองก็ทนไม่ไหวและหาทางโต้คืนบ้าง แล้วต่างฝ่ายต่างก็โต้กลับด้วยวิธีที่แรงขึ้นๆ จนถึงขั้นทำร้ายหมายจะเอาชีวิตกัน ดูจบแล้วรู้สึกกลัวขึ้นมาเลยครับ เพราะมันสยองแบบ “เป็นไปได้” มันเกิดกับใครก็ได้ครับที่จะไปเที่ยวแล้วเจอคนมาก่อกวนแบบนี้ แล้วปฏิเสธไม่ได้ครับว่าคนสมัยนี้มีปริมาณ “ขันติ” หรือความอดทนต่อกันน้อยลง ทำให้มีเรื่องกันได้ง่ายขึ้น จากเรื่องผิดใจกันเล็กๆ ก็สามารถลุกลามกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้อย่างง่ายดายหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ระงับจิตใจให้ทัน ยิ่งถ้าแรงด้วยกันทั้งสองฝ่ายล่ะไม่ต้องพูดถึงล่ะครับ อย่างเหตุการณ์ในเรื่องก็เริ่มจากเรื่องเล็กๆ เท่านั้น