รีวิว My New Sassy Girl (2016) ยัยตัวร้ายกับนายเจี๋ยมเจี๊ยม 2 (ตอนจบ)
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ครับ โดยรวมๆ แล้วมันก็ดูได้ แต่อาจไม่ได้สนุกมากมาย ไม่ได้ประทับใจมากล้นอะไร อันนี้ว่าในฐานะหนังโรแมนติกแบบไม่อ้างอิงภาคแรกเลยนะ ทีนี้ผมกำลังจะกล่าวต่อในแบบที่อ้างอิงจากภาคแรกล่ะนะครับ
ถ้าพูดแบบอิงจากภาคแรกล่ะก็ ผมว่าผมไม่โอเท่าไร คือบทมันตัดยัยตัวร้ายต้นฉบับออกไปเลย ประมาณว่าจู่ๆ เจ๊แกก็ไปบวชเฉยเลย คือตอนเห็นครั้งแรกผมแทบจะตะโกนว่า “อะไรฟะ” คือรู้สึกว่ามันไม่ใช่น่ะครับ ไม่ใช่เลยโดยสิ้นเชิง
จริงๆ หนังมันไม่ต้องการภาคต่อแล้วครับ ภาคแรกถือว่าจบสมบูรณ์ในตัวเองแล้ว (โดยอาจจะมีเรื่อง Windstruck มาทำตัวเป็นกึ่งๆ ภาคก่อนหน้านิดๆ) นี่ยังไม่รวมสารพัดเสน่ห์หรือความลับมากมายใน My Sassy Girl ที่คนรักหนังเรื่องนี้น่าจะเคยสังเกต เคยนั่งตั้งทฤษฎีกัน (เรื่องย้อนเวลา, ตาลุงแฝดเยอะ ฯลฯ) มันเหมือน My Sassy Girl เป็นหนึ่งในหนังไม่กี่เรื่องที่สามารถสร้างจักรวาลของตัวเองขึ้นมาได้ ในหัวและในใจของคนดู ทั้งๆ ที่สร้างออกมาแค่ภาคเดียวเท่านั้น
แต่ดันมีคนมาแตะหนังเรื่องนี้ และสานต่อเรื่องราวแบบคนละทางกับภาคแรก แล้วยังตัดยัยตัวร้ายต้นฉบับออกไป อันนี้ในฐานะคนที่รักภาคแรกอยากบอกเหลือเกินว่าพวกพี่ทำแบบนี้ทำไมกันเนี่ย (จำได้ในหนังตอนต้นๆ มีฉากเกียนยูตะโกนว่า “ทำแบบนี้ทำไม” อยากบอกว่าในใจผมก็ตะโกนประโยคเดี่ยวกันเป๊ะเลยครับ)
ทราบมาว่าหนังถือกำเนิดขึ้นเพราะจีนอยากร่วมทุนทำหนังกับเกาหลีครับ แล้วก็เอาเรื่องนี้มาทำภาคต่อ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมยัยตัวร้ายคนใหม่เป็นคนจีน ซ้ำยังมีภาพวัฒนธรรมจีนในหลายๆ ฉาก อีกทั้งยังมีสารพัดมุกแซวหนังจีน อาทิเช่นฉากแซว In the Mood of Love ของหว่องคาไวเป็นต้น
หรือที่สังเกตเห็นชัดหน่อยคือ ตัวละครคุณพ่อของยัยตัวร้ายคนใหม่ (ที่เป็นคนจีน) นั้นเป็นคนชราที่มีปรัชญาและหลักการน่าเคารพนับถือ ในขณะที่แม่ของเกียนยู (ฝั่งเกาหลี) ออกแนวเจ๊เจ้าอารมณ์ ใช้กำลังเป็นหลัก ซึ่งก็เหมือนจะแฝงประเด็นอะไรบางอย่างอยู่ในที (หากจะมองน่ะนะครับ)
และหากพูดถึงคำว่า “ยัยตัวร้าย” แล้ว ผมว่านางเอกภาคนี้จริงๆ ไม่ใช่ยัยตัวร้ายนะ คือเจ๊เขาไม้ได้ร้ายจากอินเนอร์ ซึ่งถ้ามองในแง่เหตุผลก็ถือว่าเข้าใจได้ เพราะในขณะที่ยัยตัวร้ายภาคแรกนั้น ชีวิตเธอเจอความผิดหวังมากมาย จนใจสลายรอการเยียวยา ในขณะที่ยัยตัวร้ายคนใหม่นี้ สังคมของเธอก็อยู่กับธรรมชาติ (บ้านจริงๆ ของเธอต้องขึ้นเขาไปน่ะครับ) แล้วพ่อก็ยังเป็นผู้ใหญ่ใจดีมีหลักการซะอีก ดังนั้นการที่สุขภาพจิตของเธอดี ไม่ร้ายเท่าไรนี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ที่ผมว่าแปลกคือ ถ้าจะให้นางเอกมาในแนวนี้ แล้วจะทำให้มันเป็น New Sassy Girl ทำไม? ให้เธอเป็น Ordinary Girl แล้วเดินเรื่องในทางใหม่ที่ไม่ต้องพยายามซ้ำกับภาคแรก ก็น่าจะดีกว่า เพราะในเรื่องนี้รู้สึกเลยว่าเธอพยายามจะเป็นยัยตัวร้ายนะ แต่คาแรคเตอร์ภายในหลายๆ อย่างมันไม่ใช่น่ะครับ มันเลยตะหงิดๆ ตอนนึกถึงชื่อเรื่อง
ผมว่า Victoria Song แสดงได้ดีในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่รักผู้ชายชื่อเกียนยู เธอน่ารัก เธอมีเสน่ห์ เธอมีเจตนาที่ดี และเธออยากให้ชายที่เธอรักได้รับสิ่งดีๆ โดยส่วนตัวผมว่าคาแรคเตอร์เหล่านี้มันพอแล้วน่ะครับสำหรับความเป็นเธอ ไม่เห็นจะต้องพยายามยัดเยียดความเป็นยัยตัวร้ายใส่ลงมาเลย
ฉากที่เธอเต้นเชียร์ลีดเดอร์นั้นผมชอบนะครับ Song เต้นได้สดใส น่ารัก แบ๊วๆ ต๊องๆ คือถ้าเราเอาภาพยัยตัวร้ายดั้งเดิมมาเทียบ เราอาจรู้สึกงั้นๆ กับสิ่งที่เธอทำ แต่หากเราเปิดใจมองแบบไม่เอาอะไรมาเทียบนะ ไม่เอาภาคแรกมาเกี่ยวเลย แล้วมองแค่ฉากนั้น ซีนนั้นซีนเดียว มองเธอในฐานะภรรยาที่ตื่นมาแต่งชุดลีดเดอร์ เต้นให้กำลังใจสามีก่อนออกจากบ้าน… เฮ้ย… ผมว่าเธอน่ารักมากๆ เลยนะ
ส่วนชาแตฮุนก็เรื่อยๆ กับบทเดิมครับ ในมุมหนึ่งเขาก็ยังเป็นเกียนยูนั่นแหละ แต่ด้วยบทที่ออกมากลางๆ ความฮาที่ออกมากลางๆ และความน่าประทับใจในเนื้อเรื่องที่ไม่มากแบบภาคแรก เลยทำให้บทเกียนยูไม่น่าจดจำเท่าของเดิม ส่วนหนึ่งก็เพราะได้จวนจีฮุนมาชงด้วยน่ะครับ บทเลยเสริมกันและกันให้เด่น แต่ภาคนี้แม้ Song จะแสดงได้ดี แต่คาแรคเตอร์ไม่เด่นไม่ปังเท่าไร เลยเสริมชาแตฮุนได้ไม่เต็มที่
ก่อนดูผมก็คิดนะครับว่าผมอาจจะไม่โอกับหนังเรื่องนี้ ครั้นพอดูแล้ว มันก็ไม่โอจริงๆ นั่นแหละ แต่ที่ไม่โอนี่คือไม่โอที่หนังถูกสร้างขึ้นมาในแบบที่พยายามจะให้เป็นภาคต่อของ My Sassy Girl ให้ได้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วหากหนังสร้างในแบบของตัวเองไปเลย ไม่ต้องอิงอะไรทั้งนั้น มันอาจจะเข้าท่ากว่า (หนังจะเข้าท่ากว่าไหมอันนี้ไม่รู้ แต่อย่างน้อยคนดูจะไม่เอา My Sassy Girl มาเป็นตัวตั้ง ตัดปัญหาการเปรียบเทียบลงไปได้เยอะเลย)
ตัวหนังก็อย่างที่บอกครับ จริงๆ มันมีอะไรดีๆ อยู่ แต่การปรุงมันไม่ออกรสเต็มที่ ถ้าเปรียบเป็นอาหารนะครับ ก็เหมือนจริงๆ องค์ประกอบมันเหมาะจะเอามาปรุงเป็น “แกงข่าไก่” ดีๆ ได้สักชาม แต่ดันโดนตั้งธงไว้ว่าต้องปรุงให้เป็น “ต้มยำกุ้ง” นะ ต้องให้เป็นต้มยำกุ้งแซ่บๆ เปรี้ยวๆ เท่านั้น แต่ใช้องค์ประกอบของแกงข่าไก่ที่มีนี่แหละ… มันก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็นครับ
คะแนนความชอบ 6/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Flight 7500 (2014) ไฟลท์ 7500 ไม่ตกก็ตาย
2570 0https://www.youtube.com/watch?v=kUB6v4gT6Aw ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ก่อนผมดูหนังเรื่องนี้ ผมจัดการเอา “407 เที่ยวบินผี” ของบ้านเรามาเปิดดูก่อนครับ ดูแบบเรียงลำดับตามปีที่ฉาย เรื่อง 407 มาก่อน (ฉายปี 2012) ส่วนเรื่องนี้มาทีหลังครับ แต่พล็อตมีความคล้ายกัน คือว่าด้วยความสยองบนเที่ยวบินหนึ่ง ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Voices (2014) แผนจี๊ดๆ คิดได้ไง
2373 0The Voices เป็นหนังตลกร้ายที่อาจจะถูกปากใครหลายคนครับ ขณะเดียวกันมันก็อาจจะเป็นหนังที่ไม่ถูกเส้นกับใครอีกหลายคนเช่นกัน และสำหรับผมแล้ว หนังอาจไม่ใช่แนวของผมน่ะครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Paul Blart: Mall Cop 2 (2015) พอล บลาร์ท ยอดรปภ. หงอไม่เป็น 2
2787 0ภาคแรกผมชอบครับ มันคือ Die Hard เวอร์ชั่นฮากลมกลิ้งที่ครบเครื่องทั้งความตลกและความลุ้น ส่วนภาคต่ออย่าง Paul Blart: Mall Cop 2 ก็ถือว่าผลออกมาตามที่คาดไว้ นั่นคือดูเพลินเรื่อยๆ แต่ไม่จับใจเท่าภาคแรก ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด