รีวิว Dunkirk (2017) ดันเคิร์ก (ตอนที่ 2)
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
ซึ่งตลอดตั้งแต่ต้นจนจบนั้น ผมก็จะรู้สึกประมาณนี้แหละ ถามว่าอินหรือจมไปกับเรื่องราวไหม ผมว่าผมไม่อินขนาดนั้นนะ จะออกแนวอินเป็นฉากๆ มากกว่า แต่พอถึงคราวอินมันก็อินจนอึน อินจนอิ่มจุกไปเลยเหมือนกัน (อย่างฉากหามคนข้ามไม้นั่น ผมเกือบจะร้อง “เฮ้” ตามเขาไปด้วยเลยล่ะ)
จะว่าไป ผมว่าผมก็อินไม่ต่ำว่า 80% ของเหตุการณ์ในหนังครับ ส่วนช่วงทีเหลือไม่ใช่ไม่อินนะครับ แต่มันเหมือนเป็นช่วงพัก เป็นช่วงที่หนังไม่ขยี้อารมณ์คนดู ความอินเลยไม่ถูกบิ้วครับ
พอมองในจุดนี้ ผมว่า Nolan แกก็แม่นเหมือนเดิม เพียงแต่สไตล์จะต่างออกไปตรงที่หนังเรื่องก่อนๆ เวลาแกบิ้วก็มักจะบิ้วต่อเนื่อง ใช้ทุกองค์ประกอบมารวมพลังเป็นจุดเดียวจนทำให้เราลืมหายใจ แต่กับเรื่องนี้แกอาจไม่ได้บิ้วต่อเนื่องตลอดเวลา แต่พอถึงวาระไหนที่เขาจะบีบใจเรา เขาก็ลงมือบีบ บีบ และบีบจนเราอินได้เมื่อนั้น (แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็คงขึ้นกับจริตความชอบของเราด้วยน่ะครับ ถ้าใครไม่แนวก็อาจเฉยๆ ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร)
จุดน่าสังเกตอย่างหนึ่งคือดาราในหนังเรื่องนี้ไม่ได้ระดมกันมาแบบเรื่องก่อนๆ คนที่ถือว่าดังและหน้าคุ้นจริงๆ จะมีแค่ Kenneth Branagh, Tom Hardy, James D’Arcy, Mark Rylance (Bridge of Spies) และขาประจำ Nolan อย่าง Cillian Murphy กับ Michael Caine ที่แอบมารับเชิญทางเสียงครับ (เป็นเสียงคนทางวิทยุ)
มองจุดนี้แล้วก็เข้าใจมากขึ้นครับ ว่าหนังไม่ได้กะเน้นที่ตัวละคร แต่เน้นที่สถานการณ์ เน้นที่เรื่องราว เน้นที่งานภาพ (ตากล้อง Hoyte Van Hoytema จับภาพได้อลังและได้อารมณ์อย่างยิ่ง) เหมือนเจตนาจะชี้ชวนให้เราดูองค์รวมของเหตุการณ์ มากกว่าจะให้โฟกัสที่ใครคนใดคนหนึ่ง
แต่ถ้าจะมีใครที่ผมชอบสุด ผมยกให้ Branagh ครับ เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากๆ เพราะตัวละครนี้เน้นที่การแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้า ฉากไหนที่คิ้วเขาขมวดขึ้นมานี่ผมขนลุกเลยนะ คือมันส่งอารมณ์ผ่านจอมาทำให้เราตระหนักได้ว่า มันชักจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้ว ยอมรับเลยครับว่า Branagh ดึงอารมณ์ผมได้อย่างเทพมากจริงๆ (แน่นอนว่าตอนเขายิ้ม ผมก็ยิ้มตามเลย)
มีคอหนังท่านหนึ่งสนทนากับผมว่า เขานึกว่า Dunkirk จะมีปรัชญาอะไรมากกว่านี้ ในขณะที่ผมนั้นไม่เคยมองว่า Nolan เป็นผู้กำกับที่เจตนาแฝงปรัชญาลงในหนัง เขาเป็นเพียนงคนทำหนังที่มีความคิด มีเรื่องราวอยากเล่า และมีไอเดียอยากเล่น สิ่งที่เขาทำเสมอคือเล่าเรื่องให้สุดทาง สร้างอารมณ์ให้สุดติ่ง (และอาจมีการชี้นำทางอารมณ์ หรือชี้นำให้เรามองจุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ) แล้วปล่อยให้คนดูไปซึมซับต่อเอาเอง
และลองว่าเขาสามารถนำเสนอสถานการณ์หนึ่งๆ ได้อย่างถึงขีดทั้งภาพ เสียง ดนตรี การแสดง และอารมณ์แล้ว มันก็เป็นเสมือนหนึ่ง “เหตุการณ์” ให้เราได้เรียนรู้ ให้เราได้สังเกตแง่มุมต่างๆ บางครั้งก็เป็นเหมือนนิทานเรื่องเล่าให้เราเก็บสาระ บางครั้งก็เป็นดั่งอุทาหรณ์สอนใจคน
ปรัชญาหรือสาระที่ปรากฎในหนัง Nolan มักจะไม่ใช่อะไรที่อยู่บนหิ้ง ไม่ใช่อภิปรัชญาที่ลึกล้ำ แต่มันคือปรัชญาติดดิน คือข้อเท็จจริงในสังคม ในโลก ในจิต ในวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ทั้งนี้และทั้งนั้นก็อยู่ที่เราว่าจะเห็นมันไหม เราจะใส่ใจสกัดมันออกมาพิจารณาหรือต่อยอดไหม
จึงไม่แปลกที่หนังของ Nolan จะมีคนเห็นคุณค่า ยกย่อง เชิดชู (อาจเพราะถูกจริต, ถูกเส้น, มองเห็นตรงกันกับสิ่งที่ Nolan นำเสนอพอดี) หรือบางคนอาจไม่รู้สึกอะไร รู้สึกเฉยๆ งั้นๆ เพราะส่วนใหญ่สิ่งที่เห็นในหนังของเขาก็ไม่ได้วิจิตรพิสดารอะไร มันคือการเอาความจริงที่เราเห็นได้บ่อยๆ ในสังคมมาขยายความ มาต่อยอด (นอกจาก Inception ที่สวิงสวายในแง่ของจินตนาการ ในขณะที่ Interstellar แม้จะไซไฟแค่ไหน แต่ก็ยังมีความติดดินอิงของจริงอยู่ในนั้น)… ดังนั้นจะชอบหรือไม่ชอบ Nolan ก็ไม่แปลกทั้งนั้นครับ ^_^
ย้อนกลับไปที่คำถามตั้งต้น “ผมชอบหนังเรื่องนี้ไหม?” ถ้าให้ว่าโดยสรุป ผมก็ชอบครับ ชอบมากในหลายภาคส่วน แต่ก็มีสิ่งที่ยังจูนไม่ติด สิ่งที่ยังไม่คุ้นเจืออยู่บ้าง มันเลยเป็นความชอบที่มี “ความไม่คุ้น” โผล่แทรกมาเล็กๆ แต่กระนั้นก็นับถือล่ะครับที่ Nolan กล้าลองทำ เพราะจะว่าไปมันก็เป็นอะไรที่ออกจะผิดคาดอยู่เหมือนกัน (เชื่อว่าตอนแรกหลายคนก็คงคิดว่ามันจะออกมาเป็นไทม์ไลน์เดียวแบบที่ผ่านมาๆ)
อย่างไรก็อยากให้ลองดูครับ เพราะหนังถือว่าทำได้ถึงฟอร์ม สมทุน $100 ล้าน ซึ่งก็เชื่อว่าไม่ขาดทุนครับ ได้ทั่วโลกน่าจะ 400 – 500 ล้าน แต่ตอนนี้ผมมองไปถึงอนาคตที่ Nolan เปรยๆ ว่าอยากยกเครื่อง James Bond แล้วเล็งๆ ให้ Tom Hardy มารับบทสายลับ 007 ซึ่งก็อาจจะอีกซัก 5 ปีเป็นอย่างน้อย (ว่าง่ายๆ คือต้องรอให้ Craig อำลาบทบอนด์ไปก่อน)
(พรุ่งนี้มาต่อกันแบบมีสปอยล์ครับ)
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Impossible (2012) 2004 สึนามิ ภูเก็ต
2525 0เหตุการณ์ที่เนปาล ทำให้ผมหยิบเรื่องนี้มาดูอีกครั้งครับ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Snow White and the Huntsman (2012) สโนว์ไวท์ & พรานป่า ในศึกมหัศจรรย์
2418 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ดูจบแล้วผมถามตัวเองว่าชอบสโนว์ไวท์รสชาติไหนมากกว่ากัน ระหว่างรสภารตะผสมวนิลาหอมเนยนมกับรสโกโก้เข้มข้นบวกเข้าไปด้วยลิโพอีกขวดกว่าๆ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิวซีรีส์ Agents of S.H.I.E.L.D. ปี 3 (2015 – 2016)
1659 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ส่วนใหญ่ปี 3 ของซีรี่ส์แนวแอ็กชันนี้มักมาทางเดียวกันครับ คือจะพยายามแหวกจาก 2 ปีแรกเท่าที่จะทำได้ ตามด้วยการสรรหาตัวร้ายที่ต้องใหญ่กว่าเดิมมาเป็นบอสใหญ่ให้เหล่าตัวเอกรับมือกัน ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด