รีวิว Jurassic World (2015) จูราสสิค เวิลด์

รีวิว Jurassic World (2015) จูราสสิค เวิลด์

jurassic_world_2015_movie_poster-1440x900

Jurassic World  อาจไม่ใช่หนังไดโนเสาร์ที่สดใหม่ แต่ถ้าถามหาความบันเทิง ความลุ้น และความตื่นเต้นล่ะก็ หนังก็จัดว่าตอนโจทย์พวกนี้ได้ไม่เลวครับ

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

ผมโอเคกับภาคนี้ครับ แน่นอนว่าความขลังมันไม่มากเท่าภาคแรก แต่ก็ฟัดกับภาค 2 และ 3 ได้แบบสบายๆ

ผมว่าผู้กำกับ Colin Trevorrow คงรู้น่ะครับว่าหนังไม่ได้มีแง่มุมอะไรใหม่ๆ อีกแล้ว พี่แกเลยเกริ่นเรื่องแค่เพียงไม่นาน ก่อนจะยิงสถานการณ์ลุ้นๆ ลงจออย่างรวดเร็ว แล้วก็ยิงซ้ำเป็นพักๆ ตามด้วยการไต่ระดับความลุ้น จากระดับสะดุ้งเล็กๆ เรื่อยไปจนถึงจุดไคลแม็กซ์ที่จัดว่าลุ้นเอาเรื่อง

ผมชอบที่หนังทำการคารวะภาคแรกในหลายวาระ ไม่ว่าจะสถานที่เดิมๆ ที่เคยทำให้เราลุ้นติดตาในภาคแรก หรือในตอนไคลแม็กซ์ที่ผมพูดถึงก็มีการคารวะแบบน่าชื่นชมอยู่เหมือนกัน รวมไปถึงการปรากฏตัวของ ดร.เฮนรี วู (BD Wong) นักวิทยาศาสตร์ผู้เพาะไดโนเสาร์รุ่นบุกเบิกของจูราสสิคพาร์ค ก็ทำให้แฟนๆ หนังชุดนี้นั่งรำลึกความหลังได้เพลินอยู่เหมือนกัน

แต่ถ้าถามว่าผมชอบมากๆ ไหม? ก็คงขอตอบว่า “โอเค แต่ยังไม่สุด” ครับ

แม้หนังจะทำออกมาเน้นบันเทิงและตื่นเต้น แต่จังหวะของหนังก็ยังไม่ลื่นเต็มที่ เริ่มจากตัวละครที่ยังไม่ขลังเท่า ภาคก่อนๆ ไม่ว่าจะพระเอกอย่างโอเวน (Chris Pratt), นางเอกอย่างแคลร์ (Bryce Dallas Howard), ตัวกวนอย่างฮอสกินส์ (Vincent D’Onofrio) และมหาเศรษฐีผู้เปิดพาร์คอย่างไซม่อน (Irrfan Khan) ที่ทีมงานดูจะเลือกให้ตัวละครนี้เป็นคนอินเดียโดยอิงโลกความจริงแบบกลายๆ

jurassic-world-image-1
จริงๆ ดาราน่ะเล่นดีตามที่บทเอื้ออำนวยนั่นแหละครับ เพียงแต่ตัวบทเองยังไม่มีมิติความลึกพอ และอาจเพราะสถานการณ์มันไม่เอื้อให้เราเห็นคาแรคเตอร์ต่างๆ แบบครบมุมด้วย เพราะส่วนมากก็ตื่นเต้น ตกใจ และวิ่งเป็นหลัก ไม่ได้มีเวลาให้แต่ละคนแสดงตัวตน ทัศนคติ หรือความชอบ-ไม่ชอบแบบพวก ดร.อลัน แกรนท์ , เอียน มัลคอล์ม หรือจอห์น แฮมมอนด์ ในภาคแรก (ที่ตัวตนของพวกเขายังติดตรึงในความทรงจำมาถึงตอนนี้ โดยเฉพาะฉากดีเบทเล็กๆ ที่โต๊ะอาหาร)

เช่นเดียวกับคาแรคเตอร์ของเด็กๆ ที่แม้จะได้ Ty Simpkins จาก Iron Man 3 มาสวมบทร่วมกับ Nick Robinson (The Kings of Summer) แต่ก็อย่างที่บอกครับว่าบทไม่เปิดโอกาสให้ทำอะไรนัก แม้จะมีหยอดปมพี่น้องใส่ลงไปเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ได้สานปมหรือต่ออารมณ์ให้เดินหน้าสักเท่าไร

นอกจากนี้สิ่งที่ผมแอบรู้สึกเล็กๆ ก็คือ หนังมันยังไม่ให้ความรู้สึกถึงความเป็น “Jurassic World” สักเท่าไร เพราะพวกช็อตมุมกว้างที่จับภาพ พาร์คแบบเต็มๆ มีไม่มาก ช็อตที่ให้อารมณ์อลัง (แบบ 3 ภาคแรก) ก็มีไม่เยอะ ซึ่งแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะผู้กำกับภาพเรื่องนี้ John Schwartzman ก็เคยมีผลงานช็อตมุมกว้างเจ๋งๆ อย่าง The Rock, Armageddon, Pearl Harbor และ Dracula Untold แต่ประเด็นนี้ก็มองได้ 2 แง่ครับ แง่หนึ่งคือพี่เขาถ่ายแบบไม่เน้นกว้างเอง หรือผู้กำกับเป็นคนกำหนดสไตล์ให้หนังเป็นแบบที่เป็น (ก็คือ “เล่นใหญ่แต่ไม่เล่นเยอะ” )

อีกจุดหนึ่งที่แอบรู้สึกก็คือ ตอนแรกนึกว่าประชาชนที่ไปเที่ยวพาร์คจะมีบทบาทมากกว่านี้ เพราะในตัวอย่างเห็นพวกเทอราโนดอนโบยบินโฉบเฉี่ยว ก็เผลอนึกไปว่าหายนะมันน่าจะใหญ่และความตื่นเต้นก็น่าจะอลังการอยู่ แต่ไปๆ มาๆ หนังก็เน้นการผจญภัยไปที่ตัวละครหลักๆ ไม่กี่คนเหมือนภาคที่แล้วๆ ในขณะที่ชะตากรรมของคนในพาร์ค เช่นว่า รอดแค่ไหน ตายมากไหม เจอตัวอะไรหลุดมางาบบ้าง หรือคนที่รอด รอดได้ยังไง ฯลฯ อะไรเหล่านี้ไม่ได้รับการกล่าวถึงสักเท่าไร

สารภาพว่าพอดูจบก็แอบสับสน ตกลงหายนะในพาร์ครอบนี้มันถือว่าใหญ่หรือไม่ใหญ่กันแน่ (แต่จริงๆ มันก็ควรจะใหญ่อยู่นะครับ ทว่าหนังไม่ได้ถ่ายทอดอารมณ์ “ใหญ่” ที่ว่านั่นให้เห็นภาพสักเท่าไร)

ดูหนัง-Jurassic-World-เต็มเรื่อง
ส่วนหนึ่งที่หนังอาจยังไม่ให้อารมณ์ขลังหรือใหญ่เท่าภาคแรก ก็อาจเพราะชั่วโมงบินของ Colin Trevorrow ยังไม่มากครับ ก่อนหน้านี้คือหนึ่งหนังสั้น, หนึ่งหนังสารคดี, หนึ่งหนังทีวี และหนึ่งหนังฟอร์มเล็กเรื่อง Safety Not Guaranteed (ที่จัดว่าดูเพลินมาก เพราะตัวละครมีสีสันกำลังดี) เรื่องนี้จึงเป็นหนังสเกลใหญ่เรื่องแรกของเขาครับ โดยส่วนตัวผมว่าเขาทำได้ประมาณนี้ก็เก่งแล้วครับ มันอาจไม่ได้เข้าเป้าทุกจุด แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีเป้าที่โดนมากกว่าที่ไม่โดน

ในแง่ของบทที่จริงๆ โดยรวมหนังก็ดูได้เพลินๆ ครับ เพียงแต่บางประเด็นก็ดูง่ายและอ่อนเหตุผลไป, ชะตากรรมของตัวละครบางตัวก็ดูจะลงสูตรแบบสุดๆ และปมในตอนท้ายๆ ก็ทำให้นึกถึงปมประจำของหนัง Alien ยังไงก็ไม่รู้ (พวกเรื่องการเอาสัตว์ประหลาดไปใช้ประโยชน์ โดยไม่สนว่าจะหายนะไหมน่ะครับ)

แต่ประเด็นดีๆ ก็มี เช่น การเพิ่มเรื่องพัฒนาการของแรพเตอร์ที่เริ่มจะจูนเข้ากับมนุษย์ได้ หรือฉากที่แคลร์สัมผัสเจ้าไดโนเสาร์คอยาวที่ใกล้จะหมดลมหายใจ ซึ่งก่อนหน้านี้แคลร์มองพวกมันเป็นแค่ “สินค้า” มาโดยตลอด แต่พอมาประชิดตัวแบบนี้ มุมที่เธอมอง “สินค้า” ก็เปลี่ยนไป

นี่แหละครับธรรมดาของการเล่าถึงหนังหลังดูจบ มีทั้งชอบและไม่ชอบผสมปนเปกัน แน่นอนครับว่าสิ่งที่ผมเขียนไม่ได้สรุปสิ่งที่หนังเป็น มีแต่ตัวทุกท่านเองนั่นแหละครับที่จะให้คำตอบต่อตัวเองได้ว่าหนังเรื่องนี้ถูกใจเรามากหรือน้อยเพียงใด ที่ผมร่ายมาไกลนี่ก็ถือว่าเล่าสนุกๆ แล้วค่อยมาแลกเปลี่ยนกันก็แล้วกันนะครับ

35
สรุปว่าการกลับไปวิ่งหนีไดโนเสาร์หนนี้ ก็ถือว่าน่าพอใจครับ จริงๆ หนังมีคำคมดีๆ หลายอันเลยนะครับ เพียงแต่บทกับแนวคิดยังไม่แน่น เท่าภาคแรกเท่านั้นเอง แต่ในแง่ความลุ้น ตื่นเต้น งาน Effect ก็ถือว่าเต็มตาเต็มอารมณ์ ในขณะที่งานดนตรีของ Michael Giacchino ก็ไม่เลวครับ เพียงแต่หากเทียบกับงานก่อนๆ อย่าง Star Trek และ The Incredibles แล้ว ลูกเล่นลายเซ็นต์เรื่องนี้ยังไม่เด่นชัดถนัดหูสักเท่าไร

แม้ผมจะมีทั้งชมและบ่น แต่ผมก็ยังยินดีแนะนำให้ทุกท่านลองไปชมหนังเรื่องนี้อยู่ดีครับ เพราะอย่างน้อยมันก็คุ้มค่าแก่การชมล่ะ

โดยเฉพาะแฟนๆ หนังชุดนี้ ไหนๆ พาร์คก็เปิดซะที…

… ลองไปเยี่ยมพาร์คกันสักครั้งนะครับ
คะแนนความชอบ 7/10 ครับ
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
063695.32b79140818.original

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว About Alex (2014) เพื่อนรัก…แอบรักเพื่อน

1900 0

About Alex เป็นผลงานเขียนบทและกำกับโดย Jesse Zwick ลูกชายของผู้กำกับ Edward Zwick (Glory, Legends of the Fall, The Last Samurai และ Blood Diamond) กับเรื่องราวด้วยเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่พากันเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนที่ชื่อ อเล็กซ์ (Jason Ritter) หลังทราบข่าวว่าเขาพยายามฆ่าตัวตาย ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Source Code (2011) แฝงร่างขวางนรก

2637 0

https://www.youtube.com/watch?v=WatVodRARsU ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด หนังเรื่องนี้มีดีอย่างยิ่งตรงบทครับ บทที่ค่อยๆ เผยความจริงทีละนิด เผยแบบน่าติดตาม ชวนให้เราอยากรู้ว่าเรื่องมันจะไปยังไงต่อ ทั้งๆ ที่เกือบทั้งเรื่องน่ะ เหตุการณ์ก็วนซ้ำอยู่ที่เดิมๆ ตัวละครเดิมๆ ซึ่งก็คือโคลเตอร์ สตีเวนส์ (Jake Gyllenhaal) ชายที่ถูกส่งไปยังอดีต เพื่อค้นหาเหตุวินาศกรรม แต่จุดที่ทำให้น่าสนใจคือ “การตัดสินใจของคนที่แตกต่างออกไป” ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Dunkirk (2017) ดันเคิร์ก (ตอนที่ 1)

2756 0

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด การที่ผมเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ในโรงถึง 2 รอบแปลว่าผมชอบหนังเรื่องนี้มากๆ ใช่หรือไม่? ก็อาจจะใช่นะครับ ผมคงชอบหนังเรื่องนี้ไม่น้อยทีเดียว แต่ครั้นพอมาถามใจตัวเองจริงๆ คำตอบมันอาจมีรายละเอียดมากกว่าคำว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด