รีวิว The Rewrite (2014) เขียนยังไงให้คนรักกัน
ว่าตามจริงผมชอบพล็อตของ The Rewrite ครับ เพราะถ้าปรุงออกมาดีๆ ล่ะก็ หนังจะให้สาระแก่ชีวิต ให้แง่คิดต่อหัวใจ และให้กำลังใจทั้งกับคนที่กำลังมีฝันและคนที่ความฝันกำลังจะหมดอายุลงไป
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
คีธ ไมเคิลส์ (Hugh Grant) นักเขียนบทภาพยนตร์ที่เคยได้รางวัลออสการ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่ตอนนี้ชีวิตและงานกำลังถึงทางตัน เขาเลยผันตัวเองมาเป็นครูสอนเขียนบทหนังที่วิทยาลัยเล็กๆ แห่งหนึ่ง และที่นั่นเองคีธก็ได้พบกับบทเรียนชีวิตที่ช่วยให้เขาลุกขึ้นมาอีกครั้งได้
พล็อตน่าสนใจดีนะครับ ยอมรับว่าผมอยากดูอยู่เหมือนกันตอนเห็นตัวอย่าง แม้หน้าหนังมันจะดูนิ่งๆ และไม่ดึงดูดเท่าไรก็ตาม
สำหรับตัวหนังที่ได้ออกมาก็ถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ ว่าตามจริงคือไม่ถึงกับสนุกหรือเพลินอะไรมากครับ และสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจอย่างหนึ่งคือหนังออกแนวชีวิตผสมเบาสมอง (แบบเบาๆ) ครับ ไม่ได้เน้นโรแมนติกสักเท่าไร อันนี้ต้องบอกก่อนเพราะผมเชื่อว่าหลายคนเห็นปกหรือเห็นชื่อไทยแล้วจะคิดว่า มันต้องเป็นหนังว่าด้วยความรักแบบ Two Weeks Notice และ Musics and Lyrics แต่เอาเข้าจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นครับ
หนังจัดว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ จริงๆ Grant ก็ยังแสดงได้ดี สไตล์บทก็แนวถนัดของเขา เพียงแต่ผมว่า Grant เขาจะเปล่งรัศมีจัดๆ หากเล่นบทที่มันมีอารมณ์ฮาเป็นส่วนผสมมากๆ หน่อย แต่พอดีในเรื่องนี้สัดส่วนของบทจะหนักไปทางชีวิตเสียมากครับ รัศมีของพี่แกเลยไม่เปล่งเหมือนเรื่องอื่นๆ (แต่ฉากไหนที่พี่แกแสดงอารมณ์กรุ้มกริ่มหรือเปิ่นๆ แบบอังกฤษล่ะ ความน่าสนใจจะมาทนที)
ในขณะที่ Marisa Tomei ที่ตามหลักแล้วก็ถือว่าเป็นนางเอกของเรื่อง แต่ด้วยความที่หนังมันไม่ค่อยเทไปทางโรแมนติกเท่าไร บทของเธอเลยไม่ค่อยมีอะไรให้เล่น ไปๆ มาๆ Bella Heathcote ที่เล่นเป็นลูกศิษย์ที่มาเป็นกิ๊กของคีธจะดูเด่นกว่าด้วยครับ
บทสมทบอื่นๆ ก็ถือว่าน่าจดจำทุกครั้งยามที่ขึ้นจอไม่ว่าจะ J.K. Simmons, Allison Janney และ Chris Elliott ที่เสริมทั้งความแน่นและความฮาได้เท่าที่บทจะเอื้ออำนวย
โดยส่วนตัวผมว่า Marc Lawrence (ที่เขียนบทและกำกับเรื่องนี้) ก็กล้าอยู่เหมือนกันครับที่จับพล็อตแบบเน้นดราม่านี้มาเล่นโดยไม่พยายามพึ่งพาความเพลินจากอารมณ์โรแมนติกหรือตลก เพราะปกติงานที่ผ่านมาของพี่แกจะออกแนวรักๆ ขำๆ (ก็ Two Weeks Notice และ Musics and Lyrics นั่นแหละครับ)
แต่ผลที่ได้ออกมาก็ถือว่าพี่แกยังไม่แม่นแบบเต็มที่ในพล็อตที่เน้นดราม่าครับ มันยังไม่ถึงและยังไม่จับใจเท่าไร แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าเขาทำตามแนวที่ถนัด โดยคงประเด็นของหนังไว้ ผลที่ได้ออกมาอาจลื่นและเพลินกว่านี้ก็ได้
ที่พล่ามมายาวนี้ไม่ได้แปลว่าผมไม่ชอบหนังนะครับ จริงๆ คือหนังดูได้เรื่อยๆ เพียงแต่มันยังไม่สุด ยังไม่กลมกล่อมลงตัว ทั้งที่หนังน่ะมีองค์ประกอบดีๆ เยอะ ตั้งแต่ดารา, พล็อตเรื่อง, การแอบแซวหรือจิกหนังกับวรรณกรรมต่างๆ (ที่ผมรับรองว่าคนที่รักหนังและหนังสือต้องเพลินทีเดียวครับ), ปูมหลังของลูกศิษย์แต่ละคนของคีธ, ปมในใจของคีธเอง ฯลฯ อะไรพวกนี้เอามาเล่นได้เยอะครับ ซึ่งถ้าเล่นดีๆ นี่หนังจะเพลินมาก น่าติดตามมาก และน่าจะอบอุ่นใจมากๆ ด้วย แต่อย่างที่บอกครับว่าหนังเล่นกับของดีพวกนี้ได้ไม่สุด อารมณ์ความเพลินระหว่างดูมันเลยไม่เต็มที่
+ กระนั้นผมก็ยังชอบประเด็นปลีกย่อยในหนังครับ ตั้งแต่ความสับสนและเสียศูนย์ของคีธ จากที่เขาเคยมีชื่อเสียงและไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพ เขากลับค่อยๆ หมดไฟ และถึงทางตัน ฉากที่เขาเปิดคลิปดูตอนตัวเองได้ออสการ์นั่นมันสะท้อนความจริงได้ดีครับ
คนเราตอนพยายามขึ้นสู่ที่สูงนั้นว่ายากแล้ว แต่ตอนเราหมดแรงหล่นปุ๊ลงมาแล้วจะปีนกลับขึ้นไป นั่นน่ะแหละจัดว่ายากกว่า… แต่ยากไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้นะครับ
+ ผมชอบการมองโลกในแง่ดีของนางเอกครับ
จริงที่โลกนี้มันไม่ได้สวยงาม หรือบางกรณีมันอาจเฮงซวยด้วยซ้ำ แต่คำถามคือ “แล้วไงล่ะ?” ถ้าโลกมันเฮงซวย แล้วเรามัวแต่ซ้ำคำว่า “เฮงซวย” ลงในสมองๆ ซ้ำๆ แบบนั้นมันจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้ไหม? มันจะพาชีวิตเราไปให้ห่างจากความเฮงซวยได้ไหม?
ถ้าอยากให้ชีวิตดีขึ้น ก็ลองคิดไปในทิศทางที่ดี มองในมุมที่ดี แม้โลกจะไม่ได้ดีขึ้นทันตา แต่อย่างน้อยเรามีแรงทำอะไรสักอย่างต่อ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต มันก็น่าจะมีโอกาสที่ดีกว่าการมองโลกแง่ลบ (แบบเซ็งจิต) เพียงอย่างเดียว
เราอาจเลือกชีวิตไม่ได้ แต่เราก็เลือกก้าวเดินได้
+ อีกอันที่ชอบคือตอนหนังพูดถึง The Twilight Zone ครับ ซึ่งตอนที่หนังพูดถึงคือ Walking Distance (ตอนที่ 5 ของปีที่ 1) เป็นอีกหนึ่งตอนที่ให้ความรู้สึกดีๆ ต่อผู้ชม ผมยังชอบเลยครับ มันเหมือนเป็นตอนที่ชี้ชวนให้ผู้ชมย้อนไปทักทาย “เราคนเก่า”
ไม่ว่าจะ “เราคนเก่า” เมื่อตอนเด็กที่กำลังฝันแบบไร้ขีดจำกัดว่าฉันจะทำอย่างนั้น ฉันจะเป็นอย่างนี้
“เราคนเก่า” เมื่อตอนเด็ก ที่คำแนะนำพื้นๆ ของพ่อแม่ ช่างดูมีคุณค่า (ในขณะที่เมื่อเราโตขึ้น คำแนะนำในเรื่องที่สำคัญกว่าจากปากของพ่อแม่ เรากลับพร้อมจะไม่ฟังหรือโต้เถียงด้วยตรรกะอันเผ็ดร้อนของเราเอง)
หรือ “เราคนเก่า” เมื่อตอนเด็ก ที่วิ่งเล่นจนหกล้มแล้วร้องไห้ แต่พอรุ่งเช้าก็กลับไปวิ่งเล่นกับเพื่อนได้เหมือนเดิม
“เราคนเก่า” กับ “เรา ณ ตอนนี้” คงมีอะไรหลายอย่างที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะความคิด มุมมอง บาดแผลตามตัว หรือไม่ก็ระดับของกำลังใจ… มันคงจะดีครับหากเราสามารถย้อนกลับไปทักทาย “เราคนเก่า” บ้าง
จริงๆ ประเด็นของ Walking Distance ถือว่าน่าสนใจเลยครับที่จะนำมาเล่นกับหนัง แต่ก็เหมือนกับหลายองค์ประกอบในหนังที่ยังนำมาเล่นได้ไม่สุดสักเท่าไร
โดยรวมแล้ว หนังก็ดูได้เพลินๆ ครับ อย่าลืมนะครับว่านี่ไม่ใช่หนังโรแมนติก และไม่ใช่หนังตลกด้วย แต่เป็นหนังดราม่าที่เจืออารมณ์ขันลงไปแบบเบาๆ ดังนั้นถ้าใครรู้ตัวว่าชอบสไตล์นี้ จะลองดูก็ไม่เสียหายครับ
… นึกๆ ไปแล้ว ผมว่าหนังเรื่องนี้ก็ชวนให้นึกถึง Larry Crowe ของ Tom Hanks อยู่เหมือนกัน แต่พูดได้เต็มปากครับว่าเรื่อง The Rewrite นี้ รสชาติดีกว่าเยอะ เมื่อเทียบกับเรื่องนั้นน่ะครับ
คะแนนความชอบ 6/10 ครับ
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว The Hungover Games (2014) เกมล่าแก๊งเมารั่ว
469 0The Hungover Games คือหนังยำหนังครับ หลักๆ ก็คือล้อ The Hunger Game กับ The Hangover แล้วก็มีการล้อหนังดังอย่าง The Lone Ranger, Django Unchained, Ted และ Thor เป็นอาทิ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Batman v Superman: Dawn of Justice (2016) (ตอนที่ 1)
2230 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด การพบกันระหว่างพี่แบทกับพี่ซุปนี่ถือเป็นแมทช์นัดสำคัญที่คอหนังรุ่นผมรอกันมานานมากๆ ครับ เพราะเจอยั่วให้อยากหลายทีเหลือเกิน ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิวซีรี่ส์ Chicago Med Season 1 (2015 – 2016) ทีมแพทย์ยื้อมัจจุราช ปี 1
1808 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ออกตัวก่อนเลยครับว่าไม่เคยดูซีรี่ส์ตระกูล Chicago มาก่อน เคยดูเพียงผ่านๆ แบบไม่จบตอนด้วย ซึ่งก็เท่ากับไม่ได้ดูน่ะครับ แต่ก็อยากหาโอกาสไปย้อนดูเหมือนกันเพราะเห็นมีการทำซีรี่ส์แยกออกมาตั้งหลายอัน และเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด