รีวิว Fifty Shades of Grey (2015) ฟิฟตี้ เชดส์ ออฟ เกรย์
ไปพิสูจน์มาแล้วครับ Fifty Shades of Grey เดินออกจากโรงมานี่ซาดิสม์ขึ้นเยอะ เอ้ย ไม่ช่าย (55555)
ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด
โดยพื้นฐานแล้ว พล็อตก็คือสูตรสำเร็จว่าด้วยสาวสวยอ่อนต่อโลก อนาสตาเซีย สตีล (Dakota Johnson) มาพบเจอกับมหาเศรษฐีหนุ่มสุดหล่อ (ผู้มีปมในใจ) อย่างคริสเตียน เกรย์ (Jamie Dornan)
แต่จุดที่ต่างออกไปจากสูตรคือ เกรย์ไม่ใช่เทพบุตรแสนสุภาพ เขามีความลับอันร้อนแรงซ่อนเร้นอยู่ใต้รูปลักษณ์เทพบุตรนั้น ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือรสนิยมทางเพศของเกรย์นั้นออกแนวซาดิสม์นั่นเองครับ แล้วสัมพันธ์รักในรอยแส้ของพวกเขาจะลงเอยเช่นไร ก็ตามดูคำตอบในหนังนะครับ (ซึ่งหนังยังไม่จบนะครับ ยังมี 2 ภาครออยู่ครับ)
จุดที่เวิร์กมากๆ ของหนังยกให้องค์ประกอบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฉาก (โดยเฉพาะห้องต่างๆ ของเกรย์ ตั้งแต่ที่ทำงานไปจนถึง Red Room) ออกแบบมาดีครับ ดูศิลป์ สวย และโดดเด่นจับตา เล่นสีกับ Space ได้น่าสนใจ
ต่อมาคือดนตรีประกอบของ Danny Elfman ที่ได้อารมณ์โรแมนซ์แบบดาร์กๆ กำลังเหมาะเลยครับ ตามด้วยสารพัดเพลงประกอบที่ใส่ลงมาพอเหมาะ แต่ละเพลงเข้ากับแต่ละฉาก ไม่ใช่แค่ท่วงทำนองเท่านั้นนะครับ กระทั่งเนื้อเรื่องเองก็เลือกมาได้สอดคล้อง เร้าอารมณ์ผู้ชมให้เตลิดได้ไม่ใช่เล่น
ถัดมาที่ขอชมคือ Seamus McGarvey ผู้กำกับภาพ ผลงานที่ผ่านมาก็มี High Fidelity, Atonement, The Avengers และ Godzilla ซึ่งการจับภาพของเขานับว่าเหมาะกับอารมณ์ของเรื่องมาก ด้านคอสตูมก็ดี (แม้บางฉากจะไม่มีคอสให้ตูมเลยก็ตาม)
ว่าง่ายๆ คือส่วนประกอบต่างๆ ของหนังเวิร์กครับ ดาราก็โดนใช่เล่น Johnson ดูเป็นสาวอ่อนโลกที่ซ่อนความร้อนแรงไว้ภายใน และซีนไหนที่เธอจะแข็งกร้าวไม่ยอมใครขึ้นมา เธอสามารถแสดงแววตาได้ชัดเจนยิ่ง (ชอบฉากเจรจาบนโต๊ะประชุมครับ เข้าใจคิดจริงๆ) และ Dornan ก็ดูดีครับ สุภาพแบบซ่อนปมแบบพอเหมาะ
แต่คนที่ผมชอบจริงๆ ขอยกให้ Marcia Gay Harden (หรือเจ๊คาร์โมดี้แห่ง The Mist) ที่ในเรื่องโผล่นิดเดียว แต่ความเก๋าก็ทำให้เราจดจำคุณนายเกรย์คนนี้ได้ทันที
ด้านเนื้อหาก็เรื่อยๆ ครับ สำหรับผมนั้น ว่าคร่าวๆ ก็คือชอบหลายส่วน ในขณะที่เนื้อหาและการเดินเรื่องอาจไม่แนวสำหรับผม จึงไม่ถึงชอบอะไรนัก (แต่อาจจะแนวสำหรับคนชอบหนังรักประมาณนี้) ซึ่งถ้าว่ากันถึงรสมือของผู้กำกับ Sam Taylor-Johnson แล้ว ผมชอบงานชิ้นก่อนของเธอ (Nowhere Boy) มากกว่าครับ
(ถัดจากนี้อาจมีสปอยล์นะครับ หากไม่อยากทราบข้ามได้เลยครับ) ว่าตามจริงพล็อตก็ไม่มีอะไรมากครับ มันคือความรักในมุมเร้น มันคือภาพของรสนิยมอีกด้านหนึ่งในมิติอันแสนซับซ้อนของมนุษย์ ซึ่งหนังนำเสนออะไรเหล่านี้ได้กึ่งๆ ครับ คือมันก็มีจุดที่น่าสนใจให้ขบคิดตาม แต่ขณะเดียวกันมันก็มีความเบาหวิวไม่หนักแน่นเจือปนผสมอยู่
จริงๆ ในแง่ความรักของทั้งคู่ก็ดู Contrast ดีครับ สำหรับอนาสตาเซียแล้ว เธอรอคนที่ใช่ เธอรอใครสักคนที่รักเธอและทำให้เธอตกหลุมรัก รอใครสักคนที่เธอขาดไม่ได้และเขาพร้อมจะถนอมดูแลเธอ แต่สิ่งที่เกรย์เป็นมันผสมกันระหว่าง 2 ขั้ว แน่นอนว่าเขามีเสน่ห์ เขาน่ารัก เขาแมน แต่เขาไม่ใช่คนที่จะถนอมใคร ไม่ชอบดูหนัง ไม่ชอบกิน ไม่ชอบเที่ยว ไม่ชอบโรแมนติกแบบชาวบ้าน และเขามองว่าความเจ็บปวดคือสิ่งที่สร้างความพึงใจ
ในแง่นี้มันก็น่าสนใจดีครับ มันคือการตัดกันของความต้องการ และเมื่อทั้งสองเริ่มมีความรู้สึกต่อกัน ทั้งคู่ก็พร้อมจะลองดูว่าสุดท้ายแล้วจะไปกันไหวไหม
ถ้าเราถอดเรื่องซาดิสม์ต่างๆ ออกไป แล้วดูที่รูปแบบความสัมพันธ์ มันก็เหมือนกับชีวิตรักทั่วๆ ไปของคนเราน่ะครับ ใครสักคนรักใครอีกคน มีสิ่งที่ต้องตาและถูกใจดึงดูดให้คนทั้งคู่อยากอยู่ใกล้กัน ครั้นพออยู่ใกล้กันมากเท่าไรก็ต้องมีการปรับตัวเข้าหากันมากขึ้นมากเท่านั้น โดยเฉพาะนิสัย พฤติกรรม หรือความชอบที่มีความแตกต่างกันมากๆ มันก็ต้องปรับ ต่างฝ่ายต่างต้องยอมลดบางส่วนและเพิ่มบางสิ่ง เช่นนั้นแล้วความเข้ากันได้หรือความลงตัวถึงจะบังเกิด
สุดท้ายแล้วไม่ต้องเข้ากันได้ทั้ง 100% หรอกครับ เข้ากันได้และยอมรับกันได้สักครึ่งหนึ่งก็โอเคมากมายแล้ว
ถ้าเราตัดฉากโรมรันออกไป ตัดเรื่องซาดิสม์ออกไป ก็เท่ากับเรากำลังดูรักของสาวช่างฝันกับหนุ่มเย็นชานั่นแหละครับ โดยแก่นมันก็ครือๆ กัน นั่นคือการรู้จักปรับ การรู้จักยอม การให้และเสียสละซึ่งกันและกันเพื่อทำให้สัมพันธ์ยืนยาว
และบทสรุปของเรื่องก็ทำให้เราเห็นในเบื้องต้น ว่าความต้องการที่สวนทางกัน นำไปสู่การแยกจากกัน เหมือนคู่รักอีกมากมาย… แต่คนที่แยกจากกันก็ใช่จะแยกกันถาวรเสมอไป ก็ต้องมารอดูกันต่อครับว่าเรื่องราวต่อไปจะเป็นอย่างไร
ผมบอกไว้ตั้งแต่ต้นว่าหนังมีจุดน่าสนใจและความเบาหวิวไม่หนักแน่นผสมกัน… แต่ความเบาหวิวไม่หนักแน่นก็ใช่จะไร้สาระเสมอไปนะครับ หากเราพิจารณามัน มันก็ให้แง่คิดกับเราได้เช่นกัน
ผมไม่เคยอ่านฉบับหนังสือมาก่อนครับ แต่ได้ยินมาว่าแอนนาจะมีความช่างฝันมากกว่าที่เห็น เช่นเดียวกับความหนักของเรื่องซาดิสม์ก็จะมากกว่าที่เห็นในหนัง (และฉบับแปลไทยก็ตัดโน่นนี่ออกไปอีกที) ดังนั้นสิ่งที่ผมมองนั้น ผมมองผ่านจอหนัง ไม่ได้มองผ่านตัวหนังสือ หากมองอะไรไม่ตรงกับจุดหมายที่ในนิยายเจตนาสื่อก็ขออภัยนะครับ
ถ้าถามว่าหนังน่าดูไหม ก็คงตอบยากครับ เอาเป็นว่าเชื่อในตัวเองแล้วกันนะครับ ผมเชื่อว่าหลายคนเห็นหน้าหนัง เห็นเนื้อเรื่องแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร ดังนั้นหากจะผ่านไปข้ามไปก็ได้ หรือบางท่านที่อ่านเนื้อเรื่องแล้วโดน อ่านหนังสือแล้วชอบ หากจะลองลิ้มก็ไม่ผิดกติกาเหมือนกัน
ส่วนผมนั้น อย่างที่บอกครับว่าชอบองค์ประกอบต่างๆ ของหนัง การวางอารมณ์อะไรมันเข้าท่า พระเอกนางเอกเคมีเข้ากัน การเร้าอารมณ์ก็ทำได้ดี ส่วนด้านเนื้อหาก็ไม่ถึงกับติดใจอะไรครับ (อาจเพราะไม่ใช่แนวก็เป็นได้ 555)
สำหรับความแรงของเรื่องเพศนั้น ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็แนะนำเด็กๆ ได้ครับ เพราะเรื่องเพศนั้นจริงๆ แล้วเด็กๆ สมัยนี้รู้มากกว่าเราตอนอายุเท่าเขาอีกนะครับ ปิดไปหลีกไปก็เท่านั้น ถือโอกาสคุยและทำความเข้าใจกันดีกว่า
เรื่องเพศมันยากที่จะปิดกั้น แต่ผู้ใหญ่ก็ช่วย “กลั่น” และ “กรอง” ได้ครับ
โดยรวมก็ไม่ผิดหวังครับ อาจเพราะไม่คาดหวังอะไรมาก เอาเป็นว่าถ้าสนใจก็ลองชมครับ ถ้าไม่สนก็ไปดู Kingsman ได้นะครับ (แอบเชียร์ อิอิ)
คะแนนความชอบ 6/10 ครับ
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Operation Avalanche (2016) ปฏิบัติการลวงโลก
1908 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด โดยคอนเซปต์ของหนังเรื่องนี้แล้ว จริงๆ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยครับ กับการจับเอาประเด็นที่เป็นคำถามมานานแล้วว่า “ตกลงยานอพอลโล 11 ไปถึงดวงจันทร์จริงหรือไม่” มาสร้างเป็นหนัง ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว A Christmas Prince (2017) เจ้าชายคริสต์มาส
2667 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด อย่างที่ผมเคยบอกไว้ครับว่าผมชอบดูหนังเกี่ยวกับวันคริสต์มาส แต่ระยะหลังหนังแนวนี้มีน้อยลง จนแทบจะบอกได้เลยว่ามีแค่ช่อง Hallmark เท่านั้นแหละที่พอจะพึงพิงได้ มีการทำหนังคริสต์มาสชวนอบอุ่นหัวใจออกมาเสิร์ฟผู้ชมอยู่ทุกปีๆ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด
รีวิว Alice Through the Looking Glass (2016) อลิซ ผจญภัยมหัศจรรย์เมืองกระจก
1967 0ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด ออกตัวก่อนว่าภาคแรกผมไม่ถึงกับชอบมากเท่าไรครับ คือดูได้เพลินๆ ขำๆ จุดเด่นคือ CG ที่เนรมิตภาพเมืองมหัศจรรย์ได้มหัศจรรย์สมชื่อ ดูแฟนตาซีและสีสันสดใสมากๆ ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด