รีวิว Vacation (2015) พักร้อนอลวน ครอบครัวอลเวง

รีวิว Vacation (2015) พักร้อนอลวน ครอบครัวอลเวง

V001

การจะพูดถึงหนังเรื่องนี้ผมคงต้องแบ่งออกเป็น 2 แบบครับ

ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด

แบบแรก แบบธรรมดา (ไม่คิดเยอะ) หนังก็ออกมาเรื่อยๆ ครับ เรื่องของครอบครัวกริสวอลด์นำ โดย รัสตี้ (Ed Helms), เด็บบี้ (Christina Applegate) และลูกชาย 2 คน (Skyler Gisondo และ Steele Stebbins) กับการพักร้อนสุดป่วนเมื่อรัสตี้อยากใช้เวลากับครอบครัว ก็เลยพากันนั่งรถเที่ยวโดยมีเป้าหมายคือเครื่องเล่นสวนสนุกที่รัสตี้โปรดปราน

แต่ก็คงพอเดาได้ล่ะนะครับว่าระหว่างทางมันก็จะเต็มไปด้วยเรื่องเพี้ยนๆ วุ่นๆ สารพัด เรียกว่ากว่าพวกเขาจะไปถึงที่หมายก็แทบจะหมดกำลังใจไปตั้งหลายหนแน่ะ

ครับ คือถ้าจะดูเอาเพลินเอาขำมันก็เรื่อยๆ นะ เพียงแต่อาจจะไม่ถึงกับสนุกหรือชวนติดตามอะไรมากมาย หลายมุกตลกก็พอจะเดาได้หรือไม่ก็เคยเห็นจากหนังเรื่องอื่นๆ มาแล้ว (บางมุกก็รีเมคมาจาก Vacation ต้นฉบับอีกที) บางมุกก็ดูต๊องมากจนรู้สึกเฉยๆ

ในขณะที่บางมุกที่จริงๆ แล้วเวิร์ก (อย่างเรื่องของ “ไกด์ล่องแก่งคนนั้น”) แต่ด้วยการเล่าลำดับเรื่องที่ยังไม่แม่น ทำให้มุกออกมากลางๆ แทนที่จะขำเป็นเรื่องเป็นราว

V002
นี่เป็นงานกำกับหนังใหญ่ครั้งแรก ของ John Francis Daley เจ้าของบท ดร.แลนซ์ สวีทส์ จากซีรี่ส์ Bones โดยเขากำกับร่วมกับ Jonathan M. Goldstein มือเขียนบทที่กำกับเป็นหนแรกเช่นกัน ผลที่ได้ก็ออกมากลางๆ ครับ ด้านมุกตลกน่ะพอไหว แต่การดำเนินเรื่องและการลำดับเรื่องมันดูไม่ค่อยเป็นเนื้อเดียวเท่าไร และดูหนังจะเน้นไปที่ความขำมากกว่าแก่นของเรื่องจริงๆ (อันว่าด้วยเรื่องของครอบครัว) ก็เลยทำให้ความสนุกยังไม่มาแบบเต็มที่

แต่ก็นั่นล่ะครับ หากใครชอบหนังตลกสไตล์ Road Movie ว่าด้วยครอบครัวป่วนๆ หากอยากจะลองดูก็ได้ครับ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่า RV (ที่ลุง Robin Williams ผู้ล่วงลับแสดงไว้) จะดูลงตัวมากกว่าครับ

เอาล่ะ เมื่อกี้เล่าแบบธรรมดาไป ทีนี้ขอเล่าแบบจัดหนักในฐานะคนที่ชอบหนังเวอร์ชั่นต้นฉบับบ้าง (อาจมีสิ่งที่หลายคนเรียกว่าสปอยล์ครับ หากไม่อยากทราบก็ข้ามๆ ไปได้)

ออกตัวเลยว่าผมเป็นแฟนหนังชุด Vacation ดั้งเดิมที่มีออกมา 4 ภาค (ภาคแรกปี 1983) นำแสดงโดย Chevy Chase ในบท คลาร์ก กริสวอลด์ ซึ่งสำหรับฉบับใหม่นี่จริงๆ ก็ถือเป็นภาคต่อล่ะครับ เพราะ Chase ก็กลับมารับเชิญในบทเดิม และเขาก็คือพ่อของรัสตี้นั่นเอง (เช่นเดียวกับ Beverly D’Angelo ที่กลับมารับเชิญในบทเอลเลน คู่ชีวิตคนเดิมคนเดียวของคลาร์ก)

V003
จริงๆ ต้องบอกว่าผม “รัก” หนังฉบับเก่าเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะภาคแรกกับภาค 3 ที่เป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างหนังตลก, หนัง Road Movie และหนังครอบครัวแฝงแง่คิดดีๆ ซึ่งจริงๆ หนังฉบับใหม่ก็ถือว่าเป็นทั้งภาคต่อ (เนื่องจากเอาตัวละครรุ่นลูกมาผูกเรื่องต่อ) และเป็นการรีเมค (เพราะพล็อตหลักๆ ก็คือภาคต้นฉบับนั่นแหละ) แต่ความลงตัวคนละรสกันเลยครับ

ภาคต้นฉบับนั้นมุกตลกอาจไม่ได้ฮาหนัก แต่ก็ดูเพลินและเบาสมองกำลังดี ที่สำคัญคือครอบครัวกริสวอลด์นั้นพวกเขาก็เป็นครอบครัวธรรมดาๆ นี่แหละครับ ไม่ได้เพี้ยนหรือต๊องอะไรมากมาย เพียงแต่พวกเขามักจะชอบตัดสินใจผิดจนนำตัวเองไปเจอกับเรื่องบ้าๆ เท่านั้นเอง ดังนั้นถึงที่สุดแล้ว ทุกตัวละครในครอบครัวกริสวอลด์ภาคต้นฉบับก็ยังดูเป็นมนุษย์ปุถุชน มีเลือดเนื้อและสามารถสร้างความประทับใจให้คนดูได้ในหลายวาระ

ในขณะที่ฉบับใหม่นี่คาแรคเตอร์ตัวละครดูจะเพี้ยนหรือถูกทำให้ดูตลกโดยเจตนา พวกเขาเลยดูขาดมิติไปเลยน่ะครับ

ซึ่งจริงๆ ถ้าว่ากันถึงพล็อตแล้ว หนังมีพล็อตที่น่าสนใจนะ อย่างรัสตี้ก็มีปมเรื่องการอยากอยู่กับครอบครัว หรืออยากทำให้เมียและลูกได้มีความสุข มันคือโจทย์ที่หัวหน้าครอบครัวทุกคนมี แต่ทว่าเขาก็ชอบทำมันพลาดบ่อยๆ จนตัวเองรู้สึกแย่ จริงๆ ปมนี้น่ะเล่นให้เป็นประเด็นกินใจเลยก็ได้ครับ แต่หนังก็จับเพียงผิวๆ เท่านั้น

V005
บางฉากนี่ทำเอางงเหมือนกัน อย่างตอนที่รัสตี้เดินไปแซวลูกชายที่กำลังอยู่กับสาวน้อยนามว่าอดีน่า (Catherine Missal) ตรงบ่อน้ำ แล้วดันแซวจนสาวหนีไปเลย… ระหว่างดูนี่คิดในใจเลยว่า “พี่ทำแบบนั้นไปทำไมล่ะครับ ลูกพี่กำลังคุยกับผู้หญิงอยู่ มันเพี้ยนไปไหมอ้ะ”

ไหนจะคาแรคเตอร์ของเด็บบี้ ที่ดูแข็งๆ หงุดหงิดเงียบๆ อยู่ตลอดเวลา มันทำให้ภาพของครอบครัวกริสวอลด์ฉบับนี้ดูไม่สมดุลย์น่ะครับ คือก็พอเข้าใจนะว่าจะสื่อภาพของครอบครัวที่ไม่ลงตัว ไม่เข้าใจกัน หรือมีกำแพงต่อกันอะไรประมาณนั้น

แต่อารมณ์ที่ได้มันเหมือนกับเรากำลังดูคน 4 คนที่ไม่เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน มาเดินทางไปด้วยกันในฐานะครอบครัวน่ะครับ อารมณ์มันแปลกและรู้สึกว่าหลายอย่างมันขัดกันยังไงก็ไม่รู้

โดยรวมแล้วผมเลยออกจะเฉยกับภาคนี้น่ะครับ และทำให้รักต้นฉบับมากขึ้นกว่าเดิมอีกต่างหาก แต่ก็นั่นล่ะครับ ผมมองจากมุมของผม และไม่อยากสรุปฟันธงอะไรขนาดนั้น เอาเป็นว่าใครอยากลองลิ้ม หรือใครไม่เคยดูต้นฉบับมาก่อน (ซึ่งผมก็เชื่อว่าคงเป็นส่วนใหญ่น่ะนะครับ) ก็ลองดูได้ครับ เผื่อจะชอบนะครับ
คะแนนความชอบ 6/10
รีวิวโดย ขุนหมื่นแสนสะท้าน
V004

ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

Similar Videos

รีวิว Song One (2014) เพลงหนึ่ง คิดถึงเธอ

2151 0

รสชาติของ Song One แตกต่างไปจากที่ผมคาดพอสมควร ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด แม้หน้าหนังจะชวนให้คิดถึง Begin Again หรือ Once ที่มีเนื้อหาชวนอิ่มใจและเติมเต็มความหวัง แต่สิ่งที่ผมสัมผัสจากการดู Song One นั้นไม่เชิงให้อารมณ์ประทับใจในโทนนั้นสักเท่าไร ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

The Big Wedding (2013)

1739 0

The Big Wedding เพื่อความตลกขบขัน สนุกตื่นเต้น ของบรรดาลูกๆและเพื่อนๆของพวกเขา Don and Ellie Griffin คู่สามีภรรยาที่หย่าร้างกันมานานจำใจต้องทำตัวให้เห็นว่าเป็นคู่รักที่มี เต็มไปด้วยความสุขที่สุด…เพียงเพื่อมอบเป็นของขวัญให้แก่ลูกอุปถัมภ์ของพวก เชาในวันแต่งงานของลูกชายที่พวกเขาได้อุปการะเอาไว้ตั้งแต่ครั้งยังรักกัน ใหม่ๆเป็นการตัดสินใจเที่เกิดขึ้นหลังจากที่แม่บังเกิดเกล้าหัวรุนแรงของเขา ได้ตัดสินใจที่จะบินด่วนข้ามโลกมาร่วมงานด้วยโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และในท่ามกลางสายตาของแขกที่คอยจดจ้องพวกเขาอยู่ Griffins  ต้องเสแสร้งที่จะเผชิญหน้ากับอดีต ปัจจุบัน และอนาคต อย่างสนุกสนานเฮฮาและเต็มไปด้วยความตลกขบขัน ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด โดยแขกทั้งหลายต่างคอยภาวนาว่าทั้งคู่คงจะไม่มีเหตุถึงขั้นที่จะต้องถึงกับฆ่ากัน….. ทางเข้าดูการ์ตูนออนไลน์ฟรี 👉 AnimeHaku.com 👈 เว็บดูอนิเมะ มีการ์ตูนพากษ์ไทยเยอะที่สุด

รีวิว Kill Switch (2017) วันหายนะพลิกโลก

2014 0

ไม่รู้มีใครคิดเหมือนผมบ้างหรือเปล่าน่ะนะครับ แต่ผมว่าปีนี้ความน่าสนใจของภาพยนตร์ฉายโรง (หรือกระทั่งหนังแผ่น) มันดูน้อยลงยังไงก็ไม่รู้ ว่าง่ายๆ คือหนังน่าดูมันลดปริมาณลงแฮะ ทางเข้าดูหนังออนไลน์ฟรี 👉 Hopsmovie.com 👈 เว็บดูหนังฟรีที่มีหนังให้เลือกดูมากที่สุด เมื่อต้นปีก็ได้ข่าวครับว่าคนวงการหนังก็มาคาดการณ์กันว่าปีนี้ตลาดหนังจะซบเซา ซึ่งผลก็ดูจะเซาจริงๆ ในแง่รายได้ก็ถือว่าเรื่อยๆ ไอ้ที่ปังก็มี แต่ที่นิ่งๆ กับแป้กๆ ดูจะมีเยอะกว่า ในขณะที่ความสดหรือความน่าสนใจของหนังก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น หนังที่ทำออกมาสนุกๆ อย่างสารพัดหนังฮีโร่ แม้จะทำได้ดีก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้สร้างความฮือฮาแบบเมื่อ 10 ปีก่อนอีกแล้ว เหมือนอะไรๆ มันจะเริ่มอิ่มตัวน่ะครับ อย่างหนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ดูแล้วชวนให้นึกถึง Skyline ที่จำได้ว่าตอนนั้นตัวหนังอย่าง Skyline เองก็ทำให้คอหนังเกิดความอยากดูไปไม่น้อย แม้ผลที่ได้จะไม่เข้าเป้าอะไรมาก แต่มันดูน่าสนใจและเรียกกระแสได้ประมาณหนึ่งน่ะครับ อีกเรื่องที่ทำให้นึกถึงก็ Hardcore Henry ที่ทำเอาคนมึนหัวไปหลายราย (ผมก็หนึ่งในนั้นครับ) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอารมณ์ก่อนเราเดินเข้าโรงไปนั้น